กติกาการใช้บล็อคแห่งนี้

กติกาการใช้บล็อคแห่งนี้ ห้ามก็อปไปเผยแผ่ที่ไหน // อ่านแล้ว ตอบ "ขอบคุณ" สักนิด...เพื่อกำลังใจน้อยๆ

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

ผมกลายเป็นคนเอาเพื่อน เอาฝูง ภาค 11

ผมกลายเป็นคนเอาเพื่อน เอาฝูง ภาค 11

“นายเป็นคนขับนะ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยบอกกับผม ก่อนที่จะทำการขึ้นรถ หลังจากที่พวกเราใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัวกันใหม่นั้น ซึ่งผมก็พยักหน้าและขึ้นไปยังที่คนขับ ซึ่งพอหลังขึ้นไปนั้น ณัฐกานต์ ก็ทำการกด เครื่อง GPS อยู่ครู่หนึ่ง...

“นายขับไปยังที่นี้นะ...” เธอบอกพร้อมกับส่งเครื่อง GPS นั้นให้กับผม หลังจากที่เธอตั้ง/ระบุจุดหมายปลายทางแล้ว ซึ่งผมก็พยักหน้า ก่อนจะชะงักนิดๆ เพราะหลังจากเธอยื่นเครื่องนำทางให้กับผมนั้น เธอก็ขยับเอนเก้าอี้นอนทันที...

แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยถาม เอ่ยแซวอะไร เพราะเข้าใจดีว่าเธอเหนื่อย จากเกมรักเมื่อสักครู่... อย่าว่า แต่เธอเหนื่อยเลย ผมเองก็ยังเหนื่อยอยู่เหมือนกัน..

แต่ก็เอาเถอะ... ผมคิด ก่อนที่จะทำหน้าที่ขับรถไปตามที่ เครื่อง GPS บอก ด้วยใจที่เต้นแรงอย่างระทึกหน่อยๆว่า จะช่วยเหลือ ตาลได้จริงหรือ?

ใช่ครับ.... ขับตามที่ GPS บอกได้เกือบ 30 นาที...

“นี่จะถึงรึยังนะ..” ณัฐกานต์ที่เอ่ยปากร้องถามขึ้น ซึ่งจังหวะที่เธอร้องถามนั้น รถกำลังติดไฟแดงอยู่พอดี...ซึ่งคำถามของเธอก็ทำเอาผมตอบไม่ถูกเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะขยับลุกขึ้น เพื่อหยิบเครื่อง GPS มาดู...

“ก็อีกนิดเดียวเองนี่...” ณัฐกานต์ตอบหลังหยิบเครื่องนั้นมาดู ซึ่งพอหลังหยิบเครื่องนั้นมาดู โทรศัพท์ของเธอนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง..ก่อนที่เธอจะรับสายดั่งกล่าว

“ชั้นเอง....อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว เฝ้าอยู่ตรงนั้น อย่าให้ใครไปไหนทั้งนั้นนะ....” ณัฐกานต์ที่เอ่ยสั่ง ก่อนที่เธอจะวางสาย ซึ่งพอเธอวางสายผมที่ขับรถ และรอจังหวะอยู่นั้นก็ร้องถาม

“ช่วยบอกหน่อยได้มัย? ว่าเรากำลังไปที่ไหน...” ผมเอ่ยถาม ซึ่งณัฐกานต์ก็ชำเลืองมองผม ก่อนจะเอ่ยตอบ..

“บ้านลูกพี่ลูกน้องชั้น คนที่เป็นแฟนกับเด็กของนาย..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ...ซึ่งนั้นก็ทำให้ผมมีปฏิกิริยานิดๆแต่ไม่ทันที่จะเอ่ยถามเธอต่อ ณัฐกานต์ก็เหมือนจะรู้สิ่งที่ผมจะร้องถาม คุณเธอจึงชิงตอบก่อน....

“ถ้านายจะถามว่า ถ้ารู้ว่าเด็กของนายอยู่ที่ไหน แล้วทำไมไม่รีบช่วยออกมาละก็ มันมีหลายเรื่องนะ และอีกอย่างคือ ชั้นรอจังหวะอยู่ด้วย จังหวะที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างจบแบบเงียบๆ ไม่มีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง..” คำกล่าวถัดมาของณัฐกานต์ที่ทำให้ผมที่ทีแรกจะเอ่ยถามในสิ่งที่เธอเอ่ยออกมานั้น ก็ต้องเปลี่ยนเป็นถามอย่างอื่นแทน...

“แล้วพอบอกได้มัย? ว่าจังหวะที่เธอว่านั้นคือ...” ผมถาม ซึ่งณัฐกานต์ก็หันมามองผมและเอ่ยตอบ..

“ชั้นรอให้ คุณลุง พ่อของลูกพี่ลูกน้องของชั้นคนนี้ตายก่อนนะ..” ณัฐกานต์ตอบ ซึ่งผมก็อึ้งไปนิดๆและ ผมก็เหมือนจำได้ว่าเธอเคยอธิบายไปแล้วเหมือนกันว่า ลูกพี่ลูกน้องคนที่เป็นแฟนกับตาลนั้น กร่างมีเรื่องกับคนไปทั่วทำให้มีโจทก์เยอะมากมาย และพวกนั้นก็รอจังหวะที่คุณพ่อ หรือ ลุง ของณัฐกานต์ตาย...

“งั้นหมายความว่า...” ผมที่ค่อยๆเอ่ยถามอย่างอึ้งๆ ซึ่งณัฐกานต์ก็ตอบทันทีอย่างไม่รู้สึกอะไร

“ใช่ คุณลุงตาย เมื่อทุ่มกว่าๆนี่เอง เลี้ยวขวาที่ซอยหน้านะ...” ณัฐกานต์ตอบพร้อมกับบอก ก่อนที่ผมจะเลี้ยวตามที่บอกและที่กลางๆซอยนั้นก็มีชายคนหนึ่งยืนรออยู่ ซึ่งนั้นก็คือ นายเจ๋งนั้นเอง...

“สถานการณ์ละ?..” ณัฐกานต์ที่เอ่ยถามทันทีที่ลงมาจากรถ ซึ่งนายเจ๋งบอดี้การ์ดส่วนตัวของณัฐกานต์ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำในชุดสูทนั้นก็เอ่ยตอบทันที...

“ทุกอย่างยังเหมือนตอนที่โทรบอกคุณหนูเมื่อกี้ครับ แต่ผมคิดว่าคงใกล้เวลาที่พวกนั้นจะออกมาแล้วละ เพราะถ้าอยากจะกลับมาจากชายแดน เพื่อทันทำธุระเรื่องศพ ก็น่าจะออกรถช่วงเวลานี้นะครับ..” นายเจ๋งที่เอ่ยตอบ พร้อมกับชำเลืองมองผมที่ลงตามหลังณัฐกานต์...

“ชายแดน?...” ผมที่เอ่ยทวนในสิ่งที่ได้ยินอย่าง งงๆ ก่อนที่ณัฐกานต์จะเอ่ยตอบ...

“หมอนั้นตั้งใจจะเอาเด็กของนายไปขายซ่องที่ชายแดนในคืนนี้นะ..” คำตอบของณัฐกานต์ที่ทำให้ผมถึงกับอึ้ง อย่างพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินถ้อยประโยคดั่งกล่าว หมอนั้นจะเอาตาลไปขายที่ชายแดน?

และไม่ทันที่ผมจะถามอะไรต่อ ประตูรั้วของคฤหาสน์ ที่อยู่ถัดจากพวกเราไปสักหน่อยนั้นก็ค่อยๆถูกเปิดขึ้น ซึ่งที่หน้ารั้วของคฤหาสน์ หลังนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งจอดขวางอยู่....แน่นอนว่ารถนั้นคงเป็นของณัฐกานต์แน่ๆ และไม่กี่อึดใจ รถตู้อีกคันที่อยู่ในคฤหาสน์ ที่หมายแล่นออกมานั้นก็ต้องเบรกดังเอี๊ยด เมื่อมีรถตู้ของณัฐกานต์จอดขวางปิดทางออกอยู่...

ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปอย่างแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของรถตู้คันนั้น และนั้นก็ทำให้....

“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย...” เสียงเชิงตะคอกที่เอ่ยดังทันทีที่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลงมาจากรถตู้...ซึ่งเป็นชายหนุ่มผมสั้นหน้าตาดี อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว โดยที่สภาพเสื้อเชิ้ตออกจะยับๆและติดกลัดกระดุมไม่หมด โดยเฉพาะเม็ดบนๆ
และชายคนนั้นก็คือ นายต้น แฟนของตาล หรือ ลูกพี่ลูกน้องของณัฐกานต์นั้นเอง...

“ก็ไม่ได้ทำบ้าอะไรหรอกพี่ชาย แต่เกรงว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ พี่ชายจะไม่ยอมฟังชั้นนะสิ...”ณัฐกานต์เอ่ยตอบกับชายคนดั่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม...

“ฟัง?? เรื่องอะไร ถ้าเรื่องไร้สาระละก็ ได้เจอดีแน่..” คำขู่ของชายคนนั้นที่เอ่ย พร้อมกับมีชายสูทสีดำ 2-3 คนที่ค่อยๆขยับยืนอยู่ด้านหลังของเขา ซึ่งณัฐกานต์ก็หาได้มีท่าทีกลัวต่อคำขู่และท่าทีนั้นของอีกฝ่ายแต่อย่างใด...แถมพอนายเจ๋งขยับเดินเข้ามายืนข้างๆณัฐกานต์ ชายบอดี้การ์ด 2-3 คนนั้น กลับแสดงท่าทีหวั่นๆเกรงๆ ออกมาแทน?..

“รู้รึยังว่า คุณลุงเสียแล้ว?...” ณัฐกานต์ที่ยืนด้วยท่าทีที่กอดอก ก่อนจะเอ่ยบอก...

“เรื่องนั้นรู้แล้ว นั้นมันพ่อพี่นะ ถ้าไม่รู้ก็บ้าแล้ว?..” นายต้น ชายคนดั่งกล่าวตอบกลับอย่างท่าทีไม่สบอารมณ์..ขณะที่ณัฐกานต์ก็เอ่ยกล่าวต่อด้วยท่าทีที่ราบเรียบ

“งั้นรู้รึยังว่า “กลุ่มพยัคฆ์ภูผา” จะเคลื่อนไหวในคืนนี้นะ..” ถ้อยคำถัดมาก็ทำให้นายต้นถึงกับชะงัก และมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“อย่าล้อเล่นน่า...มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?..”นายต้นที่เอ่ยกล่าวอย่างเหงื่อตก..ซึ่งณัฐกานต์ก็เอ่ยต่อ..

“เรื่องนั้นก็ไม่รู้...แต่จากข่าวที่ได้ยินมาว่า “พวกนั้น” ได้เคลื่อนไหวและกะจะเล่นงานพี่ในวันนี้ด้วย จึงรีบมาเตือนพี่ไว้นะ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็อยู่ที่พี่แล้ว...” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ อย่างจ้องมองอีกฝ่าย ซึ่งอีกฝ่ายนั้นก็มีท่าทีเคร่งเครียดอย่างทันที..

“ถึงจะไม่อยากจะเชื่อ แต่การข่าวของเส้นสายของคุณอา มันน่าเชื่อถือเสมอนี่นะ...แล้วนี่เราแค่มาเตือน หรือ หวังอย่างอื่นด้วยละ..” นายต้นที่ร้องถามและสายตาหันมามองยังผม ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเห็นผมนานรึยัง...

“อืมมมม อย่างอื่นด้วย..ค่าตอบแทนของการมาเตือน ถ้าพี่ชายไม่ว่า ณัฐขอเป็น “ของเล่น” ที่พี่ชาย จะเอาไปขายให้กับซ่องในคืนนี้ได้มัยละค่ะ?...” ณัฐกานต์เอ่ยตอบอย่างยิ้มหวาน เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยอย่างเข้าทางของเธอ...พร้อมกับเอ่ยยังเป้าหมใยหลักที่เธอหวังไว้ หรือ ที่ผมหวังไว้...

“ฮึ....พอมึงเอ่ยว่าต้องการอะไร? ทำเอากูชักไม่อยากเชื่อในสิ่งที่มึงเตือนแล้วสิ..” นายต้นที่เอ่ยกล่าวตอบ ด้วยท่าทีที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย...

“ก็แล้วแต่นะ พี่ชายจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ข้อพิสูจน์ของการไม่เชื่อนั้นอาจจะแลกด้วยชีวิตของพี่ชายเลยนะ..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่เหมทือนทุกที แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมกลับรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาซะงั้น...

“ฮึ....เอาเถอะ จะจริงหรือ หลอก เดี๋ยวก็รู้ ในเมื่อมึงอยากได้นัก ก็ได้ เพราะไง อีนี่ก็เหมือนเป็นของเล่นที่พังแล้ว?...” นายต้นที่เอ่ยพร้อมกับหันหน้าทำการขยับเชิงสั่งแก่ลูกน้อง และไม่กี่อึดใจ ลูกน้องของนายต้น 2 คนนั้นก็ทำการหิ้วปีกพาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากรถตู้ ซึ่งหญิงสาวคนนั้นก็คือ ตาลนั้นเอง...

และลูกน้อง 2 ตน ของนายต้นนั้นก็นำตาลมาส่งให้กับผม....

“ตะ ตาล...” ผมที่เอ่ยเรียกและสวมกอดเธอ ทันทีที่อีกฝ่ายยื่นโยนเธอให้กับผม...ถ้อยคำของผมก็ทำเธอมีปฏิกิริยา..

“กะ กายเหรอ?..” เธอเอ่ยตอบด้วยท่าทีที่ดูแปลกๆ ท่าทีที่เหมือนกับว่าเธอมองไม่เห็น!!

“นะ นี่แกทำอะไรกับเธอนะ...” ผมที่หันไปร้องถามแก่นายต้นนั้นทันที เมื่อเห็นท่าทีของตาล...ซึ่งนายต้นนั้นก็มองผมด้วยสายตาที่ดูเหมือนมองอะไรที่ต่ำชั้น ก่อนจะเอ่ยตอบ...

“ก็หลายอย่างอยู่นะ...จำไม่ได้ว่า พลาดที่ตรงไหน? จึงทำให้เธอเป็นแบบนี้นะ แต่ยังไงซะทางนี้ก็กะจะทิ้งหล่อนอยู่แล้ว..” นายต้นตอบ ซึ่งนั้นก็ทำให้ผมยัวะไม่น้อย...ซึ่งตาลที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นก็จับรั้งผมเอาไว้...

 “หวังว่าเราคงไม่หลอกพี่หรอกนะ..” นายต้นที่หันไปเอ่ยกล่าวกับ ณัฐกานต์...ซึ่งณัฐกานต์ก็หันมองทางผมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ...

“ไม่ต้องห่วง ณัฐไม่เคยหลอกพี่หรอกค่ะ อ้อ และนี่ค่ะ ตั๋วเครื่องบิน ค่ะ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยตอบ พร้อมกับหยิบตั๋วเครื่องบินออกมา...ก่อนจะเดินยื่นให้กับนายต้น...

“หมายความว่าไง นี่จะให้พี่หนีออกนอกประเทศเลยเหรอ?..”

“ค่ะ พี่ต้นเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ค่ะว่า “พวกนั้น” เค้าแค้น พี่ขนาดไหนนะ ไม่ต้องห่วงถึงพี่ต้นจะไม่อยู่ทำหน้าที่ที่ดี ในงานศพของคุณลุง แต่ทุกคนเค้าก็คงพอเข้าใจว่า เพราะอะไร? ทำไม?..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องมอง ก่อนจะคว้าเอาตั๋วเครื่องบินนั้นจากณัฐกานต์และ ก่อนที่เค้าจะเดินกลับไปที่รถตู้นั้น...

“อ้อ และทางที่ดี พี่ต้นอย่าไปสนามบินด้วยรถตู้ของพี่เลยค่ะ ทางที่ดี ใช้รถตู้ของณัฐจะดีกว่า..” ณัฐกานต์เอ่ยกล่าว พร้อมกับชี้ไปทางรถตู้ที่จอดขวางอยู่ที่ประตูรั้วของคฤหาสน์...ซึ่งนายต้นก็หันกลับมามอง อย่างมีท่าทีชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ทำตามที่ณัฐกานต์เสนอแต่โดยดี ซึ่งก่อนที่เค้าจะขึ้นรถตู้คันนั้น นายต้นได้มองยังผม ด้วยท่าทีอย่างไม่พอใจ.....และผมเองก็เช่นกัน

และไม่กี่อึดใจประตูของรถตู้คันนั้นที่ณัฐกานต์มอบให้ก็ปิดลง พร้อมกับแล่นออกไป...

“ที่นี้ก็ตาเราไปมังละ...” ณัฐกานต์ที่จ้องมองรถตู้ของเธอที่มีนายต้นโดยสารอยู่ที่แล่นออกไป ก่อนที่เธอจะหันกลับมาเอ่ยกับผม...

“ไป ไปไหนเหรอ?...”

“ก็ไปโรงพยาบาลไง...พาเด็กของนายไปตรวจ..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ และหลังจากนั้นพวกเรา 4 คนก็ขึ้นรถที่ผมขับมาจากบ้านของณัฐกานต์นั้นไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะรู้ว่า โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ดั่งกล่าวเป็นของ พ่อของเธอ...

ฉะนั้นพอไปถึงที่โรงพยาบาล บุคลากรของโรงพยาบาลก็ทำการต้อนรับอย่างดี และนำตัวของตาลไปตรวจอย่างละเอียดตามที่คุณเธอสั่ง...ซึ่งผมก็อยู่กับตาลตลอดจนกระทั้งเธอเข้าเครื่องตรวจสมอง ผมถึงค่อยออกมา...และณัฐกานต์ก็ยังคงรออยู่เช่นกัน...

“เรื่องค่ารักษา เดี๋ยวทางนี้จะออกให้นะ..” ณัฐกานต์เอ่ยบอกกับผมเมื่อผมได้เดินออกมาเดินมาหาเธอ...

“อื้อออ ขอบคุณนะ...ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดี..” ผมตอบและเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆของณัฐกานต์
“แล้วถ้าชั้นบอกว่าอยากให้นายตอบแทนด้วยการเป็นแฟนชั้นละ จะว่าไง...” คำกล่าวตอบของเธอก็ทำให้ผมชะงัก ถึงกับพูดไม่ออก..ก่อนที่เธอจะเอ่ยต่อ...

“อิๆๆ ล้อเล่นน่า....อีกอย่างมันเหมือนเป็นความรับผิดชอบ.. ต่อความระยำที่คนในตระกูลของชั้นทำไว้..” เธอกล่าวต่อ ซึ่งผมก็มอง ก่อนจะเอ่ยกล่าว....

“ถึงงั้นก็ต้องขอบคุณอยู่ดีแหละ จะว่าไปจริงๆแล้วก็ผิดคาดเหมือนกันนะ นึกว่าจะมีการยิงกันตูมตามซะอีก...แต่ก็อย่างว่า ญาติกันนี่นะ...” ผมเอ่ยตอบขอบคุณเธออีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยตรงๆถึงสิ่งที่เจอในคืนนี้ที่ผิดจากที่คิดไว้ ถึงแม้สถานการณ์มันจะตึงเครียดแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงผิดกับที่คิดไว้ ทีแรกนึกว่าจะมีการยิงกันตายไปข้างหนึ่งแล้ว...

“........ นายคิดจริงๆเหรอ? ว่าจะไม่มีการยิงกันนะ?..” ณัฐกานต์ที่อมยิ้ม ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ซึ่งนั้นทำเอาผม งง สงสัย...ก่อนที่เธอจะหันมองหน้าของผมและเอ่ยกล่าวต่อ....

“ชั้นจะบอกอะไรให้นะ นายกาย การฆ่าคนนะมันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดหรอกนะ แต่การฆ่าคน โดยที่เราไม่ต้องลงมือเอง แต่ใช้บุคคลที่ 3 ต่างหาก คือ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด...” ณัฐกานต์เอ่ย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจในถ้อยคำนั้นของเธอเลย...

“พูดอะไรของเธอนะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย.....” ผมเอ่ยอย่าง งง ไม่เข้าใจในถ้อยคำของเธอ..ซึ่งณัฐกานต์ก็ยิ้มและเอ่ยบอกกับผมว่า...

“งั้นถ้าชั้นบอกว่า สิ่งที่นายได้ยินตอนที่ชั้นบอกกับพี่ชาย...ผู้ชายคนนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งหมดละ..” ถ้อยคำของเธอที่เอ่ยด้วย น้ำเสียงและ รอยยิ้มที่ดูน่ากลัว ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน จนทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ...

“โกหกทั้งหมดเหรอ? มะ หมายความว่าไง..”

“......ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูก สิ่งที่ชั้นพูดมันกลับกันทั้งหมดมากกว่า..” ณัฐกานต์เอ่ย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี และไม่ทันที่ผมจะเอ่ยถามอะไร ผมก็เหลือบเห็น สิ่งที่ฉายบนทีวี ซึ่งเป็นการนำเสนอข่าวด่วน...ก่อนที่ผมจะต้องชะงัก เมื่อ หัวข้อข่าวนั้น คือ การยิงถล่มรถตู้ที่ลูกชายผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ได้โดยสารมา และ พอเห็นภาพของคนที่ถูกยิงถล่มจนเละ และที่ทำให้ผมตกใจ เพราะคนๆนั้นคือ นายต้น นั้นเอง

ก่อนที่ผมจะเข้าใจถึงสิ่งที่ณัฐกานต์สื่อเมื่อกี้แทบทันที...

“อย่าบอกนะว่า เธอเตรียมทุกอย่างไว้...เหลือแค่ให้เค้าเดินไปตามที่ทางที่เธอกำหนด..” ผมเอ่ยเชิงถาม หลังจากที่พอจะเข้าใจในความหมายของเธอนั้น ซึ่ง ณัฐกานต์ก็ยิ้มและเอ่ยตอบ...

“อื้ออออ ใช่ ดั่งที่นายเข้าใจนั้นแหละ...” เธอตอบอย่างยิ้มๆ และไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเข้าใจมันถูกมัย? แต่ถ้าให้ผมเดาคือ มันไม่มีการเคลื่อนไหวของ พวกโจทก์ ของนายต้น ตามที่ณัฐกานต์ในทีแรก...แต่เธอเป็นคนบอกพวกนั้นให้เคลื่อนไหว และอาจจะเป็นคนกำหนดเส้นทาง รวมถึง ตัวรถที่นายต้นจะโดยสาร..ที่เหลือก็บีบให้นายต้นเดินไปดั่งเหวที่เธอเตรียมไว้....
  
“แต่ว่าจะไม่เป็นไรแน่เหรอ?...” ผมที่ร้องถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งณัฐกานต์ก็เอ่ยตอบ...

“ไม่เป็นไรหรอก...ไม่มีอะไรสาวมาถึงหรอก และยิ่งการล้างแค้นกลับยิ่งจะไม่มีเข้าไปใหญ่ เห็นชั้นเป็นแบบนี้ แต่ก็เป็นคนคุมอำนาจของคุณพ่ออยู่ 60-70% แล้วนะ..ฉะนั้นถ้าชั้นสั่งให้เฉย ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางนั้นก็คงไม่ตอแยกับเราอีก เพราะได้สิ่งที่ต้องการแล้ว...”

“พอจะบอกได้มัยว่า พี่ชายเธอไปทำอะไรกับคนกลุ่มนั้นเหรอ?..”

“........ ก็ทำเหมือนที่ทำกับเด็กของนายนั้นแหละ เพียงแต่ พี่งี่เง่าของชั้นมันไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องสาวไม่แท้ของผู้สืบทอดกลุ่มพยัคฆ์ภูผาคนต่อไป เลยเป็นเรื่อง แต่โชคดีที่ตอนนั้นคุณลุง เค้ารู้จักผู้อาวุโสของกลุ่มนี้เลยขอร้องไว้ มันก็เลยไม่มีการปะทะกันในตอนนั้น...แต่ก็ทำให้กลุ่มนั้น กับ กลุ่มของเรา ระหงระแวง อยู่พอสมควร..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ ซึ่งไม่รู้ว่าผมคิดไปเองมัย ว่าสีหน้าตอนที่เธอเอ่ยมันดูเศร้าๆมากๆ...

“ประกอบกับชั้นรู้จักนิสัยพี่ชั้นดี เค้าเป็นคนที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ หากอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาแบบนาย ฉะนั้นเพื่อตัดปัญหาในภายหลัง ชั้นจึงต้องวางแผนอาศัยจังหวะ เพื่อกำจัดปัญหาทั้งหมดในคราวเดียว เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ นายไปอยู่ใกล้ๆ เด็กของนายเถอะ...” ณัฐกานต์เอ่ยกล่าวต่อ ก่อนที่จะไล่ผม ซึ่งผมนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเธอ...

“เดี๋ยวสิ มันยังมีอย่างอื่นอีกใช่มัย?..”ผมที่ขยับเข้ามาจับมือของเธอพร้อมกับร้องถาม... คำกล่าวเชิงถามของผมก็ทำให้ณัฐกานต์มีท่าทีแปลกใจ...

“ทำไมนายคิดแบบนั้นละ...”

“ก็มันแปลกนี่ ถึงแม้เธอจะให้เหตุผลมาแล้ว แต่มันก็ยังดูไม่สมเหตุสมผลพอที่เธอจะช่วยเหลือชั้นเลยนะ...” ผมตอบ โดยที่ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ...ณัฐกานต์ที่จ้องมองผมก่อนจะยิ้มและเอ่ยชมผม...

“ชั้นชักจะประเมินไม่ออกแล้วว่า นายเป็นคนโง่หรือ ฉลาดกันแน่...แต่ก็อย่างที่นายว่าแหละมันยังมีเหตุผลอื่นด้วย น้องสาวของกลุ่มพยัคฆ์ภูผา คนนั้น เป็นเพื่อนสนิทของชั้นเอง...ตอนที่ชั้นรู้เรื่องชั้นก็แค้นพี่ชาย ไม่สิ ผู้ชายคนนั้นอยู่พอสมควรนะ แต่ตอนนั้นชั้นยังไม่มีอำนาจแบบตอนนี้ด้วย แต่ถึงตอนนั้นจะมี ผลก็คงเหมือนเดิม ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี..”

“งั้นเหตุผลที่ช่วยผมนี่เพราะ ล้างแค้น?..”

“อื้ออออ ส่วนหนึ่งนะ อีกส่วนคือ ชั้นเหมือนเห็นภาพเสมือนของเพื่อนบนตัวเด็กของนาย ความรู้สึกเก่าๆมันเลยผุดขึ้นมา...และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ชั้นช่วยนาย...” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ และตอนปลายถ้อยประโยคนั้นเธอก็ขยับเข้าสวมกอดร่างของผม ก่อนจะเอ่ยพึมพำอย่างเบาๆต่อ...

“คือ เหมือน ชั้นจะรักนายเข้าให้แล้วละ...” ณัฐกานต์เอ่ย และตอนที่เธอเอ่ยจบนั้น เธอก็ได้ขยับเข้ามาจูบปากผมอย่างเบาๆอย่างเป็นการปิดท้าย ก่อนที่จะคลายวงกอด และเดินถอยหลังทิ้งระยะห่างจากผม....

“ราตรีสวัสดิ์นะ กาย...” เธอเอ่ย ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไป โดยที่ผมนั้นก็ได้แต่มองตามเธอ...แต่ไม่ได้ตามเธอไป เนื่องจากจะต้องดูแลตาลที่กำลังรับการตรวจอยู่นั้น....ซึ่งสุดท้ายคืนนั้นผมก็อยู่ที่โรงพยาบาลนั้นทั้งคืน...

 To.be...ตอนจบ??

ผู้แต่ง

เอาจริงตอนนี้ ก็ ตัดบางส่วนไปนิดๆหน่อยๆ ตอนที่พล็อตไว้นี่ ตั้งใจจะให้มีมุขตลก มุขเล็กๆ ถึงความสามารถแสนเวอร์ ของนายเจ๋ง บอดี้การ์ดของณัฐกานต์ ซึ่งคนที่พูดคือ ทางการ์ดของ นายต้น ประมาณว่า ถ้าพี่ท่านเอาจริง สามารถขยับตัวได้ไวเทียบเท่าเดอะแฟลซ // เคยใช้มีดเล่มเดียวปลิดชีพ มากกว่า 100 ศพ บลาๆ ตั้งใจให้เป็นมุขเล็กๆเวอร์ๆ ให้พระเอกเราเหงื่อตก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใส่ไป...(ถ้าบอดี้การ์ดมีความสามารถเวอร์แบบนี้ เมิงอย่าหาวิธีหนีเลย นายกาย)

ตอนหน้าตั้งใจ ว่าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้ในภาค 1....และคงอลังการพอสมควร เพราะ กะว่าจะให้มี...

ฉาก 4 ต่อ 1 (เอ๊งตายแน่ๆ นายกาย...)

แล้วเจอกันใหม่นะครับ


3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3 มกราคม 2558 เวลา 10:29

    ถ้าถึงขนาดนั้นยอมให้ฆ่าเถอะครับ

    รอภาคของณัฐนะครับผมชอบเธอเหมือนกัน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ5 มกราคม 2558 เวลา 03:15

    สวัสดีปีใหม่และขอบคุณสำหรับผลงานชั้นยอดเหล่านี้ด้วยครับ

    ตอบลบ
  3. สวัสดีปีใหม่ สนุกๆๆมากๆๆเลย ตอนสุดท้ายมาเร็วนะ รออยู่

    ตอบลบ