กติกาการใช้บล็อคแห่งนี้

กติกาการใช้บล็อคแห่งนี้ ห้ามก็อปไปเผยแผ่ที่ไหน // อ่านแล้ว ตอบ "ขอบคุณ" สักนิด...เพื่อกำลังใจน้อยๆ

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผมกลายเป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูง -ตอนพิเศษ- ณัฐกานต์ story (ภาคต้น)

ผมกลายเป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูง -ตอนพิเศษ- 

ณัฐกานต์ story (ภาคต้น)

“ไม่ไหวแล้ว ชั้น....ชั้นไม่ไหวแล้ว...” หญิงสาวที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ภายในห้องที่มือสนิทแห่งหนึ่ง และไม่นานหลังจากที่เธอเอ่ยถ้อยคำดังกล่าว ประตูของห้องนั้นก็ถูกเปิด ราวกับได้ยินถ้อยคำนั้นของเธอ....

“คงจะสิ้นฤทธิ์แล้วสินะ....เอ้า...อยากได้ไอ้นี่ใช่มัยละคนสวย..” ชายหนุ่มผิวดำคนหนึ่ง และเป็นผู้เปิดประตูนั้นก็เอ่ยกล่าว//เอ่ยถามพร้อมกับโชว์เข็มฉีดยาให้ หญิงสาวได้ดู....ซึ่งทางหญิงสาวนั้นก็มองพร้อมกับพยักหน้าเชิงตอบรับทันที และนั้นก็ทำให้ชายผิวดำคนดังกล่าวถึงกับหัวเราะด้วยท่าทีสะใจเล็กน้อย...

“ฮะๆ...จะให้ดีมัยนะ...กูยังแค้นกับสิ่งที่มึงทำไว้เมื่อวันก่อนยังไม่หายเลยนะ..” ชายผิวดำคนเดิมเอ่ยกล่าว และเดินเข้ามาหาหญิงสาว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ซึ่งหญิงสาวนั้นก็จับจ้องมองยังชายคนนั้นด้วยท่าทีที่อ่อนแรงและทรมานอย่างหนัก...ท่าทีนั้นก็ทำให้ชายคนดังกล่าวสะใจไม่น้อย ก่อนที่เค้าจะเอ่ยต่อ...



“กูจะให้ไอ้นี่กับมึงก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน...”

“ขะ ข้อแลกเปลี่ยน??....” หญิงสาวเอ่ยทวนด้วยท่าทีที่ทรมานอย่างหนักจากการอยากยา และเธอก็ออกจะกังวลหน่อยๆกับข้อเสนอของอีกฝ่ายนั้น แน่นอนว่าทางชายผิวดำนั้น ก็แสยะยิ้ม...

“เออ...มีข้อแลกเปลี่ยน แต่มึงไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ก็แค่....” ชายผิวดำคนเดิมตอบพร้อมกับมอง กลับไปที่ประตู ก่อนจะพบว่าเพื่อนผิวสีของเขาได้เดินเข้ามาพร้อมกับสุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่ง...

“ถ้ามึงยอมเย็ดกับสุนัขตัวนี้ กูจะให้ยามึง....” ชายผิวดำคนเดิมที่หันกลับมานั้น ก็เอ่ยกล่าวเชิงบอก และนั้นก็ทำให้ทางหญิงสาวที่จ้องมองนั้น ถึงกับมีท่าทีตกใจพอสมควร แต่สุดท้ายเพราะความทรมานและความอยากยานั้น ก็ทำให้เธอจำต้องตอบตามที่พวกมันต้องการ...

“ค....ค่ะ ตกลงค่ะ....”

.

.

.

.


“ฝะ...ฝันเหรอ?..” ณัฐกานต์ หญิงสาวผมดำยาวที่เอ่ยขึ้น หลังลุกขึ้นนั่ง...ซึ่งเธอก็ยังคงอยู่บนเตียงนอน ภายในห้องของเธอ ภายในบ้านสุดหรูของตัวเอง และในขณะที่เธอกุมขมับครุ่นคิดถึงสิ่งที่ฝันอยู่นั้น ประตูห้องนอนของเธอก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการเข้ามาบอดี้การ์ดประจำกาย อย่างนายเจ๋ง....

“ได้เวลาตื่นแล้วครับ คุณหนู...” นายเจ๋งที่เข้ามานั้นก็เอ่ยกล่าว ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอตื่นอยู่แล้ว...ก่อนที่เขาจะถามต่อด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีคุณหนูของเขา “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?...”

“ไม่เป็นอะไร แค่ฝันร้ายนิดหน่อย แล้วเช้านี้มีอะไรทานบ้างละ..” เธอตอบพร้อมกับถามกลับอย่างจงใจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสอบถามเรื่องฝันแต่อย่างใด และอีกฝ่ายก็เข้าใจ จึงไม่เอ่ยถาม และตอบในสิ่งที่คุณหนูของเขาถาม เพียงอย่างเดียว..

“เช้านี้มีข้าวต้มหมู สูตรของป้าแม้น ที่เป็น ของโปรดของคุณหนู ครับ...” นายเจ๋งตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ สาวสวยหน้าตาดี ถึงกับยิ้มแย้ม และเอ่ยตอบทันที....

“งั้นชั้นก็คงต้องรีบอาบน้ำ แล้วสินะ..” เธอเอ่ยพร้อมกับขยับร่างลงจากเตียง ด้วยท่าทีที่กระตือรือร้น ขณะที่ทางฝ่ายบอดี้การ์ดนั้นได้แต่ยิ้ม ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องอย่างไม่มีการเอ่ยพูดจาใดๆ...

ณัฐกานต์ที่ลงมาเตียงนั้น ก็เดินหมายจะเข้าห้องน้ำ แต่เธอก็หยุดเดิน และทำการจ้องมองตัวของเธอจากเงาสะท้อนในกระจก อย่างครุ่นคิดอะไรเล็กน้อย และจึงค่อยขยับเดินต่อ เพื่อทำการอาบน้ำ อาบท่า เพื่อจะได้ลงไป รับประทานอาหารเช้า ที่ ป้าแม้น แม่บ้านของเธอได้เตรียมไว้ให้....

“เจ๋ง? แล้วคุณพ่อละ?...” ณัฐกานต์ที่เดินเข้ามายังโต๊ะอาหารนั้น ก็ร้องถามขึ้น เมื่อเห็น สำรับที่วางอยู่นั้นมีสำหรับเธอเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น...

“นาย....ไปทำธุระที่เชียงใหม่ครับ คุณหนู...” นายเจ๋ง บอดี้การ์ด ที่มีอายุห่างจากเธอไม่มาก ที่พอเป็นได้ทั้ง พี่ชาย น้าชาย นั้นก็เอ่ยตอบคำถามแต่โดยดี...

“เชียงใหม่? ธุระอะไรพอทราบมัย?...” หญิงสาวร้องถามต่อ...ขณะลงนั่ง โดยมีแม่บ้านได้ตักข้าวต้มใส่ชามให้กับเธออย่างทันที

“ไม่ทราบในรายละเอียด...แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เรื่อง ตามหาคู่ให้คุณหนูครับ...” นายเจ๋ง ตอบคำถามถัดมาอย่างรวดเร็ว และคำตอบนั้นก็ทำให้หญิงสาวหมดคำถามเช่นกัน เพราะเธอไม่ได้สนใจอย่างละเอียดอยู่แล้ว ยิ่งบอดี้การ์ดที่รู้ใจได้ขยายความว่า ไม่ใช่เรื่องการหาคู่ให้เธอ แค่นี้ก็ โอเคแล้ว...

แต่ถึงจะไม่สนในรายละเอียด แต่เธอก็พอจะเดาออกว่า การที่คุณพ่อของเธอ ถ่อไปตั้งเชียงใหม่นั้น ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญในระดับหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นเรื่องทางธุรกิจ ธุรกิจสีเทาๆอันหลากหลายนั้นก็ได้...

“อืมมมม...ข้าวต้มยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะค่ะ ป้าแม้น..” หญิงสาวคนเดิมเอ่ยชม หญิงสาวสูงวัยอย่างยิ้มแย้ม ซึ่งป้าแม้น แม่บ้านนั้นก็ยิ้มให้กับคำชมของผู้เป็นคุณหนูของบ้าน ก่อนที่หล่อนจะร้องถามบอดี้การ์ดของเธอ หลังจากทานอาหารเสร็จ...

แล้วคุณพ่อ ....ฝากอะไรให้ชั้นทำรึเปล่า?...” เธอถามขึ้น เหมือนกับรู้ ซึ่งทางนายเจ๋งก็ยิ้มและเอ่ยตอบ...

“มีนิดหน่อยครับ ส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิม คือ เข้าไปดูกิจการต่างๆ และก็วานให้เอาของนี่ไปส่งให้กับ คุณต้นด้วยครับ?..” นายเจ๋ง ตอบ ซึ่งทีแรกทางหญิงสาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก แต่พอได้ยินช่วงท้ายที่บอกว่า ต้องเอาของไปให้กับ ญาติลูกพี่ลูกน้องของตัวเองนั้น ก็ทำให้เธอชักสีหน้าทันที...

“อันหลังนี่.... ส่งคนเอาไปให้แทนไม่ได้เลย...” ณัฐกานต์ถามกลับทันที...ซึ่งนายเจ๋งก็ตอบกลับมาในไม่กี่อึดใจ..

“ถ้าคุณหนูต้องการ มันก็ได้อยู่ครับ เพียงแต่ ถ้า นายรู้ผมเกรงว่า...” นายเจ๋งตอบและไม่ทันเอ่ยจบดี หญิงสาวผู้เป็น คุณหนู ก็ยกมือเชิงให้อีกฝ่ายหยุดพูด พร้อมกับเอ่ยตอบ...

“ไม่ต้องพูดแล้ว...ชั้นเข้าใจแล้ว...” เธอเอ่ยด้วยสีหน้าอย่างเซ็งๆ....ก่อนที่บอดี้การ์ดของเธอจะถามต่อ...

“แล้วจะให้ผมเตรียมรถไว้เลยมัยครับ..”

“อีกชั่วโมงหนึ่ง ค่อยเตรียมละกัน...” ณัฐกานต์ตอบ พร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไป ท่ามกลางเสียงตอบรับอย่างสั้นๆด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมของบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอ

“ครับ คุณหนู...”

.

.

.

บางคน คงคิดว่า การได้เกิดเป็น ลูกผู้มีอิทธิพลนั้น เป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ มันก็อาจจะ ใช่ และไม่ใช่ ถึงแม้การเกิดเป็น ลูกผู้มีอิทธิพลนั้น จะทำให้ ชีวิตเรามีแต้มต่อหลายอย่าง ไม่ต้องดิ้นร้น ไม่เดือดร้อน และไม่ต้องสู้ชีวิตอะไรแบบใครบางคนเค้า  แต่ใช่ว่ามันจะมีข้อดีทุกอย่างหรอกนะ มันก็มีข้อเสียหลายข้ออยู่ อย่าง สูญเสียอิสรภาพ ไปไหนมาไหน ก็ต้องมีบอดี้การ์ดตามคุม หรือจะ ท่าทีของผู้คนรอบข้าง และคนที่รู้จัก ที่มักปฏิบัติกับเธอด้วยความเกรงกลัวและเกรงใจ...

“แต่ก็มี คนบ้าบางคนที่ไม่เป็นแบบนั้นนี่นะ...” ณัฐกานต์ที่กำลังแต่งตัวอย่างครุ่นคิดนั้นก็เอ่ยขึ้น เมื่ออยู่ๆเธอนึกถึง ชายหนุ่มคนหนึ่งในที่ทำงานของเธอ... สำหรับเธอแล้ว เขาคนนั้นก็ออกเป็นคนประหลาดกว่าชาวบ้านพอควร ขณะคนอื่นๆในที่ทำงานหรือเรียกว่า คนส่วนใหญ่นั้น มักจะปฏิบัติกับเธอ เหมือนดั่งที่คนอื่นๆเค้าทำกันมา คือ เกรงใจ ไม่กล้าขัดใจเธอ...

แต่สำหรับชายคนนี้ ไม่เลย เค้าปฏิบัติกับเธอเหมือนคนธรรมดาทั่วไป กล้าขัดใจ กล้าติ กล้าชม ตรงๆ ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เธอเคยเจอมาเลย ขนาดเพื่อนเธอที่คบกันมานาน ยังยังไม่กล้าขนาดนี้เลยด้วย..ไม่รู้จะเรียกว่า กล้า หรือ บ้า กันแน่....

แต่ที่แน่ๆ ความกล้าและบ้าของตานี่ ก็ทำให้นายเจ๋ง ที่ตามคุ้มครองชั้นห่างๆนั้น เกือบจะ หิ้วเค้าไปเก็บ 3-4 รอบแล้ว ถ้าไม่ติดว่า ‘ชั้นไม่เห็นด้วย’ ซึ่งชั้นก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกันว่า ทำไม? ถึงไม่เอ่ยปากเก็บตานี่นะ? เพราะบางครั้ง การกระทำของตานั้น ร้ายถึงขั้น หักหน้าชั้นเลยด้วย หักหน้ากลางที่ประชุมเลย...

ถ้าเป็นปกติทำขนาดนี้กับลูกสาวเจ้าพ่อละก็.....คงได้ถูกหิ้วมาสั่งสอนจนน่วม ไม่ก็จัดการให้ไปคุยเล่นกับปะการังในอ่าวไทยไปแล้ว..แต่มันเพราะอะไรกันนะ? หรือเป็นเพราะชั้นเริ่มที่จะสนใจเค้ากันแน่? แต่มันก็อาจจะใช่ เพราะชั้นสนใจคนบ้าแบบเค้าจริงๆนั้นแหละ....แต่ชั้นคงไม่อาจจะสานสัมพันธ์กับตานั้นไปทางลักษณะนั้นได้แน่ๆ...

เนื่องจากชั้นไปเริ่มต้นกับเค้าไม่ค่อยดีสักเท่าไร อันที่จริงแล้วชั้นควรต้องสุภาพกับเค้าด้วยซ้ำ เนื่องจากตานั้นถือเป็นรุ่นพี่ในสายงานเลย ถึงจะอายุเท่ากันแต่เข้างานก่อนชั้น จริงๆทีแรกชั้นก็กะจะทำแบบนั้น เพราะเค้าก็สุภาพกับชั้นเช่นกัน แต่พอชั้นรู้ว่าตานั้นจบอะไรมา..จึงทำให้เรื่องพวกนั้นละลายหายไปเพียงเพราะอีโก้โง่ๆ ในเรื่องสถาบันการศึกษา....
ก่อนที่ชั้นจะได้เรียนรู้ว่า มันไม่เกี่ยวเลย ไม่ว่าจะจบจากที่ไหนมา มันไม่ได้เป็นตัววัดถึงคุณภาพและฝีมือเสมอไป ใช่ ตานั้นพิสูจน์ให้ชั้นได้เห็นและเข้าใจถึงเรื่องนี้ ด้วยการเอาชนะชั้น ที่จบจากนอก จากสถาบันชั้นนำของโลกได้หลายต่อหลายครั้ง แน่นอนว่า ชั้นเองชนะเค้าหลายครั้งได้เหมือนกัน ถึงแม้ปีที่ผ่านมา เค้าเอาชนะชั้นได้มากกว่าชั้นที่ชนะเค้าอยู่ 2 ครั้งก็ตาม

จะว่าไปไม่ได้มีเพียงนายเจ๋งเท่านั้น ที่จะเล่นงานตานั้น ขนาดบอสที่ทำงาน เคยหวังดี(?) แบบจะเอาใจชั้น ด้วยการถามว่า
“จะให้ไล่เค้าออกมัย? ” ชั้นตอบเลยว่า ไม่ต้อง และ ไม่เห็นด้วยอย่างมากที่จะไล่ตานั้นออก เพียงให้ชั้นสบายใจ..จริงๆ ถ้าบอส เค้ามาถามชั้นช่วงเข้างานใหม่ๆละก็... บางทีชั้นอาจจะตอบสนับสนุนไปแล้ว ก็ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว....

ชั้นได้มองตานั้น เป็นเหมือนคู่แข่ง ไม่ก็กำแพงที่จะต้องปีนป่าย พัฒนาฝีมือตัวเอง ซึ่งชั้นจะต้องชนะเค้าให้ได้ ด้วยตัวของตัวเอง และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ใช่ ชั้นจะต้องชนะเค้า และตั้งเป้าไว้ว่า จะชนะจนทำให้ตานั้นจิตตกขอลาออกจากบริษัทนี้เองเลย...

และนั้นก็คงเป็นรูปแบบความสัมพันธ์แบบเดียวที่พอจะเป็นได้ ระหว่าง ชั้นกับตานั้น...และมันก็คงไม่มีทางกลายเป็นความสัมพันธ์ รูปแบบอื่นได้แน่ๆ เพราะเจอหน้าทีไรชั้นก็เป็นฝ่ายหาเรื่องเค้าทุกที ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆที่หลายครั้งก็อยากจะเข้าไปหาเค้าในรูปแบบดีๆ แต่สุดท้ายผลลัพธ์กลับกาลายเป็นการหาเรื่องเขาไปได้ไงก็ไม่รู้....

“รถพร้อมแล้วครับ คุณหนู....” นายเจ๋งที่เอ่ยบอก เมื่อหญิงสาวได้เดินออกมาจากบ้าน โดยมีรถเก๋งคันงามยี่ห้อหรูจอดรออยู่...

“อืมมมมม...”ณัฐกานต์ที่ตอบรับอย่างสั้นๆ ก่อนจะขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ซึ่งคนที่ขับรถให้กับเธอนั้น ก็คือ นายเจ๋ง บอดี้การ์ดรายนี้นั้นเอง..ก่อนที่รถเก๋งคันดั่งกล่าวจะเคลื่อนออกไปจากบ้าน...และนายเจ๋งนั้นก็ พาเธอไปตรวจตราตามธุรกิจต่างๆ ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของณัฐกานต์ทุกครั้งที่ต้องทำ ยามที่พ่อของเธอไม่อยู่แบบนี้....

ถ้าเป็นเมื่อก่อน....ก่อนหน้าที่จะไปเรียนต่อที่เมืองนอกนั้น เธอคงไม่ทำอะไรแบบนี้แน่ๆ แต่หลังจากไป และเกิดเรื่องราวที่นู่น ทำให้ทัศนะคติของเธอเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยสนใจนั้น ก็กลายเป็นสนใจ และอยากรู้อยากเห็น โลกด้านมืดนั้นมากขึ้น รู้สึกตัวอีกที ก็กลายเป็นมือขวาของคุณพ่อ หรือ ผู้สืบทอด แบบกลายๆไปแล้ว...

ถึงแม้การเข้าไปดูแลกิจการต่างๆ จะทำเป็นครั้งคราว เป็นเหมือน งานอดิเรกก็ตาม เพราะงานหลักของชั้น ยังคงเป็นงานออกแบบที่ทำอยู่ บริษัทเอกชน...แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด แถมลูกน้องของพ่อ ส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ด้วย....

“วันนี้ ‘บิ๊กบอส’ มาตรวจเองเลยเหรอครับ?...” ลุงดิเรก ชาย วัย ราวๆ 50 ปีที่เอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นณัฐกานต์เดินเข้ามาในตึกที่เป็นบ่อนผิดกฎหมาย แน่นอนว่าคำทักนั้น ก็ทำให้หญิงสาวเอ่ยโอดทันที...

“คุณลุง...อะ.... ณัฐบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าเรียก ณัฐ แบบนั้นไงค่ะ? บิ๊กบง บิ๊กบอส อะไรนั้นนะ....” ณัฐกานต์เอ่ยโอด ซึ่งคุณลุงดิเรกนั้น เป็นลูกน้องคนเก่าคนแก่ของพ่อ ก็ยิ้มอ่อน และเอ่ยตอบ...

“ฮะๆ ลุงขอโทษนะ พอดีมันติดปากไปแล้ว จะให้ทำไงได้ละ? อีกอย่าง ตอนเด็กๆเรา ก็ชอบคำนี้จะตายไม่ใช่เหรอ?...”

“นั้นมันตอนเด็กๆค่ะ ตอนนี้ณัฐขอเถอะ อย่าเรียกแบบนั้นอีกเลยค่ะ มันฟังดูเหมือนณัฐเป็น ชายแก่ๆที่มีผ้าคาดตา ชอบสูบซิการ์ไงไม่รู้....” ณัฐกานต์เอ่ยตอบอย่างโอดครวญ ซึ่งลุงดิเรกหัวเราะอย่างเสียงดัง...

“บิ๊กบอส” เป็นชื่อที่ พวกลูกน้องของพ่อ (โดยเฉพาะพวกรุ่นเก่าๆที่อยู่มา ตั้งแต่เธอเด็กๆนั้น) ใช้เรียกเธอ ส่วนถ้าเป็น รุ่นใหม่ๆก็เรียกเธอว่า “คุณหนู” ไม่ก็ “นายหญิง” ส่วนที่มาของชื่อ “บิ๊กบอส” ก็มาจากตอนเด็กๆ เธอมักจะติดสอยห้อยตาม พ่อของเธอไปทุกที่ และด้วยความที่เธอเป็นบุคคลเดียวที่ นายใหญ่(พ่อของเธอ) ตามใจ หรือบางครั้งทำตามที่เธอต้องการ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ “บิ๊กบอส” บุคคล ที่ เหนือกว่า บอส...

“แล้วช่วงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าค่ะ?...” ณัฐกานต์ร้องถามขึ้น อย่างพยายามเปลี่ยนเรื่อง..ซึ่งลุงดิเรกนั้น ก็เอ่ยตอบทันที

“ถ้าช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาหรอกครับ...แต่กำลังลุ้นๆเกี่ยวกับ นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่นี้ ว่าจะมีผลอะไรรึเปล่า?....” ลุงดิเรก ตอบ ซึ่งณัฐกานต์ก็เข้าใจ โดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายขยายความ...

“เข้าใจละ..” ณัฐกานต์ตอบรับสั้นๆ ขณะที่เดินตรวจตราภายในบ่อน เนื่องจากยังเป็นตอนเช้ายังไม่มีใครอะไรสักเท่าไร..ก่อนที่ลุงดิเรกจะนึกอะไรขึ้นมาได้...

“จะว่าไป...ก็มีเหมือนกันนะครับ ปัญหานะ..” ถ้อยคำของลุงดิเรกนั้น ก็ทำให้ณัฐกานต์มองเล็กน้อย และไม่กี่อึดใจลุงดิเรกก็ได้พาเธอไปยังที่ห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งในห้องดั่งกล่าวนั้นก็มีชายคนหนึ่งถูกมัดไว้ที่เก้าอี้ และสภาพของเขาก็บาดเจ็บเพราะถูกซ้อม..

“เขา?...” ณัฐกานต์เอ่ยถามสั้นๆ หลังเข้ามาเห็นชายคนนี้...

“เขาเข้ามาเล่นโกงในบ่อนของเราครับ...และที่เป็นแบบนี้ เพราะเขาไม่ยอมรับความผิดดีๆ..” ลุงดิเรกตอบ ซึ่งณัฐกานต์ก็มอง และเชื่อทุกถ้อยคำของเขา เนื่องจากลุงดิเรกถือเป็นลูกน้องเก่าของพ่อที่มีนิสัยใจดี ใจเย็น และถือว่าเป็นคนที่ไม่โหดมากนัก ในบรรดาลูกน้องของพ่อ...

“แล้วลุงจะให้หนูทำอะไรค่ะ? ให้ตัดสินโทษเค้าเหรอค่ะ?..”

“ครับ.....” ลุงดิเรกตอบสั้นๆ ซึ่งณัฐกานต์ก็มองยังลุงดิเรกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองยังชายคนที่ถูกมัดไว้ที่เก้าอี้คนนั้น...

“มีเหตุผลอะไรมัย? ที่ทำให้นายต้องทำแบบนี้นะ...” ณัฐกานต์ที่มองและเดินเข้าไปหา ก่อนจะถามชายคนนั้น..ซึ่งนั้นก็ทำให้ชายคนดั่งกล่าว ขยับแหงนหน้ามองอย่าง งงๆ และไม่รู้ว่าเค้าจะทราบมัยว่า คนที่ถามเขา คือ นายหญิง ของบ่อนแห่งนี้

“ผม ต้องการ เงิน....ไป รักษา แม่ครับ..” ชายคนดั่งกล่าวตอบช้าๆ ซึ่งณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกนั้นก็รับฟังและนิ่งเล็กน้อยอย่างจ้องมองเค้า...

“นายต้องการเท่าไร?...” คำถามถัดมาที่ณัฐกานต์ถามชายคนนั้น

“สะ แสนหนึ่งครับ...” ชายคนนั้นตอบ ซึ่งระหว่างชายคนนั้นตอบ นายเจ๋งและลุงดิเรกต่างมองหน้ากันเหมือนจะรู้บางอย่าง

“ก็ได้ ชั้นจะให้ตามที่ต้องการ แต่นายต้องไม่มาให้เห็นหน้าอีก....” ณัฐกานต์เอ่ยตอบ พร้อมกับหันไปมอง ลูกน้องของพ่อคนที่ยืนคุมอยู่ด้านหลังของชายคนดั่งกล่าว มองอย่างเชิงสั่งให้ทำการปล่อยชายคนนี้ ซึ่งลูกน้องคนดั่งกล่าวก็ขยับเข้ามาทำตามที่เธอต้องการแต่โดยดี....

“เออ คุณหนูครับ...ข้อแก้ตัวของเขามันดูไม่น่าเชื่อถือเลยนะครับ..” ลุงดิเรกที่เดินมานั้นก็เอ่ยกล่าวอย่างเป็นห่วง...ถึงการตัดสินใจนั้น ซึ่งณัฐกานต์ที่ยังมองชายคนนั้นก็เอ่ยตอบ...

“หนูรู้ค่ะ...ฉะนั้นอยากให้ลุงส่งคนไปตรวจสอบหน่อย ว่าที่เขาพูดนะจริงมัย? ถ้าจริงก็ปล่อยไป แต่ถ้าไม่จริง....คงไม่ต้องให้หนูบอกนะค่ะ ว่าต้องทำไง?...” ณัฐกานต์เอ่ยตอบอย่างเบาๆ ด้วยแววตาและน้ำเสียงเปลี่ยนไป ซึ่งเธอก็ยังคงมองยังชายคนนั้น ที่ได้เดินตามลูกน้องคนหนึ่งของเธอออกไป แน่นอนว่า นั้นก็ทำให้ลุงดิเรก ยิ้มและเอ่ยตอบรับ...

“รับทราบแล้วครับ บิ๊กบอส ของลุง...” ลุงเวศเอ่ย และนั้นก็ทำให้หญิงสาวรุ่นคราวหลานนั้นถึงกับเอ่ยโอดขึ้นทันที...

“โธ่.....ก็บอกแล้วไงค่ะ เลิกเรียกณัฐว่า ‘บิ๊กบอส’ สักทีเถอะค่ะ.....”

สิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดในการเข้ามาตรวจงานใน ธุรกิจของคุณพ่อนั้น ก็คือการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหานี่แหละ แต่ถ้าเป็นปัญหาปกตินะ มันไม่เท่าไรหรอก....ปัญหาที่ทำให้เธอต้องปวดหัว มักจะเป็น ปัญหาที่ตัดสินชีวิตคนเนี่ยแหละ เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาเท่านั้น แต่มันเป็นการทดสอบในฐานะผู้นำของเธออีกด้วย.....

ความเด็ดขาด ความโหดเหี้ยมนั้น ก็ถือว่า เป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ สำหรับ ผู้ที่จะเป็นผู้นำในวงการนี้....

ถึงแม้ 1 ปีที่ผ่านมา ณัฐกานต์ก็แก้ปัญหาหลายอย่าง และตัดสินใจที่มีผลต่อชีวิตคน ก็หลายครั้งด้วย บางครั้งเธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่า รูปแบบการตัดสินใจของเธอ มันใจดีไปมัยนะ? เพราะพ่อของเธอจะไม่ค่อยถามหาเหตุผลเท่าไร ยิ่งกรณีทรยศด้วยละก็ จับได้ไม่ถาม ยิงทิ้งอย่างเดียว (ยิงเองด้วย)....

แต่สำหรับเธอนั้นไม่ ไม่ว่าจะกรณีไหน เธอมักจะถามหาเหตุผลก่อนเสมอ (ถ้ากรณีทรยศ ถึงเหตุผลเป็นไง สุดท้ายสิ่งที่รออยู่คือความตายเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นกรณีอื่นก็จะดูเหตุผลประกอบ แต่ถ้าเหตุผลนั้น ที่ใช้แก้ต่าง เกิดจากคำโกหกละก็ ก็เตรียมใจไว้ด้วยเช่นกัน..) และด้วยลักษณะนั้น จึงทำให้เธอ ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่า ท่าทีการตัดสินใจของเธอแบบนี้มัน ดีหรือไม่ดีกันแน่ มันดูเป็นคนใจอ่อน หรือ ใจดีเกินไปมัยนะ?....ถึงแม้พวกลูกน้องของพ่อ จะไม่มีใครคิดแบบนั้นเลยก็ตาม...

ใช่...ไม่มีใครคิด หรือ คิดจะติว่า ในลักษณะการตัดสินใจของเธอเลย....

 “วันนี้หมดแล้วใช่มัย?....” ณัฐกานต์ร้องถาม หลังจากที่นายเจ๋งนั้นได้พาเธอไปดูและจัดการ กิจการต่างๆ...ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไร อาจจะมีแค่ขอคำตัดสินใจจากเธอเท่านั้น...

“ยังครับ คุณหนู ยังเหลือเอาของไปให้คุณต้นครับ...” ถ้อยคำตอบกลับของนายเจ๋งนั้นก็ทำให้ ณัฐกานต์เบ้ปากเล็กน้อย...

“ชั้นไม่อยากไปเลยจริงๆๆ ให้ตายเถอะ...” เธอเอ่ยบ่น ขณะที่รถของเธอนั้นก็ได้แล่นไป ยังจุดหมายสุดท้ายของวันนี้..

.

.

.

.

“ถึงแล้วครับ คุณหนู....” นายเจ๋งที่เอ่ยขึ้น ทันทีที่ขับรถเข้าไปยัง เซฟเฮาส์หลังหนึ่ง...

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ?....” ณัฐกานต์เอ่ยโอด ในสภาพที่เหมือนเบื่อหน่ายสุดๆ ซึ่งนายเจ๋งก็ยิ้มอ่อน และตอบสั้นๆ ว่า...
“ไม่ได้ครับ คุณหนู...” คำกล่าวนั้นจึงทำให้ณัฐกานต์จำใจต้องลงจากรถ เพื่อทำตามที่ได้รับมอบหมายมานั้น...

ใช่...เธอลงมาจากรถพร้อมกับซองเอกสารบางอย่าง ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าในนั้น มีอะไร รู้เพียงแต่ว่า พ่อของเธอต้องการ ให้นำมาส่งให้ นายต้น หรือ พี่ต้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ถ้าว่าตามตรงมีความเป็นไปได้ว่า บางทีเอกสารฉบับนี้ก็อาจจะไม่ใช่ของนายต้นเองก็ได้ อาจจะฝากไปให้ถึงลุง(พ่อ)ของนายต้นรึเปล่า?..

แต่ไม่ว่าเอกสารนี้จะของใครก็ตาม...เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย....

“พี่ต้นอยู่รึเปล่า?...ชั้นเอาเอกสารมาให้พี่ต้น..” ณัฐกานต์ ร้องถามแก่บอดี้การ์ด 2คนที่ยืนเฝ้าที่หน้าประตูของ เซฟเฮาส์ แห่งนี้...

“คุณต้น อยู่ครับ คุณณัฐ เพียงแต่ ตอนนี้คุณต้นกำลังสั่งสอนของเล่นอยู่ครับ...” บอดี้การ์ด 1 ใน 2 คนนั้นตอบ ด้วยท่าทีที่ลำบากใจนิดๆ ซึ่งนั้น ก็ทำให้ณัฐกานต์ที่ได้ยินคำตอบนั้น ก็ทั้งอึ้ง และเข้าใจ ก่อนที่เธอจะเอ่ยตอบกลับ..

“ไม่เป็นไร ให้ชั้นเข้าไป...” เธอตอบอย่างเรียบๆ ถึงแม้ทางบอดี้การ์ดของลูกพี่ลูกน้องเธอจะมีท่าทีลำบากใจ แต่สุดท้ายเค้าก็ยอมให้เธอผ่านเข้าไปในบ้านที่เป็นเซฟเฮาส์นั้น..

สาเหตุที่ นายต้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ต้องมาอยู่ในเซฟเฮาส์ และมีบอดี้การ์ดคอยดูแลอย่างดีนั้น เป็นเพราะเมื่อไม่กี่ปีก่อน...นายต้นได้พลั้งมือทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งจนถึงตาย โดยที่เค้าไม่รู้เลยว่า หญิงสาวคนนั้น เป็นถึง น้องสาวไม่แท้ของผู้สืบทอดกลุ่มกลุ่มพยัคฆ์ภูผาคนต่อไป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลพอๆกับทางเรา...

แน่นอนว่า มารู้ก็ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว ถึงแม้ทางเราจะเข้าไปขอเครียร์ เพื่อไม่ให้ทางนั้นเอาเรื่อง หรือมีการล้างแค้น แต่จากท่าที และที่ได้ยินมานั้น ผู้สืบทอดของกลุ่มภูผาพยัคฆ์คนนั้น เป็นซิสค่อน(พวกรักน้องสาว) ตัวพ่อด้วยแล้ว คาดว่า คงไม่ อโหสิ ให้แน่ ถึงปากจะบอกยอมยกโทษให้....แต่จากท่าทีแล้วคงรอโอกาสอยู่แน่ๆ....และอีกอย่างที่ นายต้นไม่รู้ คือ หญิงสาวคนดังกล่าวนอกจากจะเป็นน้องสาวไม่แท้ของกลุ่มภูผาพยัคฆ์แล้ว เธอก็เป็นเพื่อนสนิทของณัฐกานต์ด้วย

โดยที่นายต้นไม่รู้เลยว่า นั้นคือเหตุผลจริงๆที่ณัฐกานต์เกลียดเค้า ไม่ใช่เกลียดเพราะ เขากระทำผู้หญิงเหมือนดังของเล่น ไม่ก็สัตว์เลี้ยง อย่างที่เขาเข้าใจ....

ใช่...เธอเกลียดนายต้นมากทั้งๆที่  สมัยเด็กนั้นก็ยังพูดจา วิ่งเล่นกัน อย่างว่าละนะ กาลเวลามักจะเปลี่ยนแปลงคนเสมอ แต่ไม่รู้อีกท่าไหนจากที่เมื่อก่อนนิสัยก็ดีๆ กลายเป็น เหี้ยบริสุทธิ์ ขนาดนี้ได้ก็ไม่รู้....

“ตาลขอโทษค่ะ พี่ต้น ตาลผิดไปแล้วค่ะ ตาลยอมทำตามที่พี่ต้นบอกแล้วค่ะ...” เสียงของหญิงสาวที่เอ่ยเชิงอ้อนวอนอย่างสิ้นลาย ซึ่งเสียงนั้นก็ดังพอ ที่ทำให้ณัฐกานต์ที่เพิ่งเข้ามานั้นได้ยิน ซึ่งพอณัฐกานต์เดินเข้ามาอีกหน่อย ก็จะพบกับ นายต้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ พร้อมกับหญิงสาวคนนั้น...

โดยที่สภาพ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ กับหญิงสาวคน ก็อยู่ในสภาพที่ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกใจ และสลดหดหูพอควรแน่ๆ เพราะหญิงสาวคนที่เอ่ยเมื่อกี้นั้น อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างหมดจด และกำลังก้มกราบที่เท้าของนายต้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวคนนั้น...

“พี่ต้น?...” ณัฐกานต์เอ่ยทักสั้นๆ อย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้น หันมามอง และมีท่าทีแปลกใจ

“ณัฐ??? มาทำ....อ้อออ มาส่งเอกสารที่คุณอาฝากมาสินะ...” นายต้น เอ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่แปลกใจ แต่เค้าก็นึกได้เอง ซึ่งทางณัฐกานต์นั้นก็ตอบกลับทันที...

“ใช่ค่ะ แล้วนี่คือ เอกสารที่ว่า...” ณัฐกานต์ตอบพร้อมกับยื่นเอกสารให้กับนายต้นที่เดินเข้ามารับ ซึ่งเธอก็เหลือบมองยังหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในสภาพก้มกราบที่พื้นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แถมมองดีจะเห็นว่าเธอตัวสั่นเทาด้วย ไหนตามร่างกายจะมีร่องรอยถูกทำร้ายอีก...

“นั้น...ของเล่นชิ้นใหม่เหรอ?...” ณัฐกานต์ชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะร้องถาม...

“หืออ อ้อ ใช่...ถือว่าเป็นของเล่นชิ้นโปรด ในตอนนี้เลยละ...” นายต้นตอบ พร้อมกับแกะเอกสารในซองนั้นดูอย่างตรวจสอบ...

“ยังไงก็อย่าเล่นเกินไปละ ทางนี้ขี้เกียจเครียร์ หรือเก็บกวาดให้แล้วนะ...” ณัฐกานต์เอ่ยกล่าวต่อ....

“ไม่ต้องห่วงหรอก ทางนี้ตรวจสอบแล้ว รับรองว่าจะไม่มีเรื่องเหมือนตอนอีฝ้าย อย่างแน่นอน...” นายต้นตอบ และถ้อยคำนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ถึงกับชะงักนิดๆ เพราะชื่อนั้น คือ ชื่อเพื่อนของเธอที่เป็นน้องสาวไม่แท้ของผู้สืบทอดกลุ่มภูผาพยัคฆ์ที่ว่านั้น....แน่นอนว่านั้น ก็ทำให้ ณัฐกานต์ถึงกับมีอารมณ์และก่ำมือไม้แน่นขึ้น...

โดยที่ทางนายต้นนั้นก็ไม่ได้สังเกตท่าทีดังกล่าวแม้แต่น้อย ก่อนที่เค้าจะเอ่ยกล่าวเชิงถามต่อ...

“นอกจากส่งเอกสารแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกใช่มัย?...” นายต้นเอ่ยถาม ซึ่งทางณัฐกานต์นั้นก็เอ่ยตอบ โดยซ่อนความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ...

“ใช่ค่ะ พี่ต้น ไม่มีอะไรแล้ว ” เธอตอบอย่างยิ้มหวาน โดยที่อีกฝ่ายนั้นไม่รู้หรอกว่า รอยยิ้มนั้น เป็นการแสล้งแกล้งทำ ซึ่งทางนายต้นนั้นก็พยักหน้าเชิงตอบรับ ก่อนจะวางซองเอกสารบนโต๊ะใกล้ๆ และขยับกลับไปหายังหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง

“เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนนะ อีตาล..” นายต้นที่เดินไปถึงยังตัวของหญิงสาวคนนั้น ที่ยังคงอยู่ในสภาพก้มกราบนั้นก็เอ่ยถาม แต่ไม่ทันที่หญิงสาวคนดังกล่าวจะเอ่ยตอบ เค้าก็นึกขึ้นมาได้ก่อน...

“อ้อ จำได้แล้ว ถ้าอยากให้กูยกโทษให้ละก็.....มึงจงไปดูดควยของพวกลูกน้องกูที่อยู่ในบ้านนี้ทุกคนก่อน ดูดให้ครบนะ ถ้าตกหล่นแม้แต่คนเดียวละก็....คงไม่ต้องบอกนะว่า มึงจะโดนอะไร...” นายต้นเอ่ยสั่ง และทันทีที่เอ่ยจบ หยิงสาวคนดังกล่าวนั้นก็แหงนหน้าขึ้น เพื่อทำการตอบรับทันที...

“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ...” หญิงสาวคนนั้น เอ่ยตอบ...โดยที่ณัฐกานต์นั้น ก็จ้องมองจนกระทั้งหญิงสาวคนนั้นได้คลานสี่ขาไปหา บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่อยู่ในห้องแห่งนี้ เพื่อทำตามที่นายต้นสั่ง ใช่...ณัฐกานต์มองดูถึงแค่ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับออกไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง.....

“..........ดูจากท่าทางของคุณหนู แสดงว่า เข้าไปเจอ คุณต้นกำลังเล่น กับ ของเล่น อยู่สินะครับ...” นายเจ๋ง บอดี้การ์ดส่วนตัว+คนขับรถนั้น ก็เอ่ยทัก/เอ่ยถาม แก่คุณหนูของตัวเอง ทันทีที่ ณัฐกานต์กลับขึ้นมาที่รถ ด้วยท่าทีที่ดูผิดปกติ ซึ่งคำถามนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ จ้องมองเล็กน้อยและเอ่ยตอบ...

“ใช่.....” ณัฐกานต์ตอบสั้นๆ พร้อมกับครุ่นคิดบางอย่าง ขณะที่นายเจ๋งก็ค่อยๆขับรถออกไป ซึ่งหลังจากขับไปได้สักพัก นายเจ๋งก็เหลือบมองคุณหนูของเขาจากกระจกหลังพร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้ง...

“คิดเรื่องของคุณฝ้ายอีกแล้วเหรอครับ?...” คำถามนั้น ก็ทำให้ณัฐกานต์ที่ครุ่นคิดอยู่นั้นได้สติ และเธอก็ตอบตรงๆ...

“ใช่.......” ณัฐกานต์ตอบ พร้อมกับนึกถึงเพื่อนสาวคนดังกล่าว ซึ่งฝ้ายก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเธอเป็นสาวร่างเล็ก ที่ดูอ่อนแอ หน้าตาระดับความสวยนั้น ก็เข้าข่ายธรรมดา ถึงแม้ณัฐกานต์จะคบหากับฝ้ายมานาน แต่เธอก็เป็นอีกคนที่ไม่รู้เช่นกันว่า ฝ้าย นั้นจะมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มมาเฟีย มารู้ก็ตอนที่เธอตายเนี่ยแหละ เรียกว่า รู้พร้อมๆกับนายต้นเลยก็ว่าได้ เธอรู้เพียงแค่ว่า ฝ้าย เป็นลูกเมียน้อยเท่านั้น...

ส่วนเรื่องแฟนของฝ้ายที่เป็นคนใจร้ายชอบทำร้ายฝ้ายเป็นประจำนั้น ณัฐกานต์ก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน...และเธอพร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่ เพียงแต่ฝ้ายขอไว้ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจว่า ที่ฝ้ายขอไว้นั้น เป็นเพราะ ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่ โต หรือไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเธอแน่....

“ถ้าตอนนั้น ชั้นรู้ว่า แฟนของฝ้ายคือใครก่อนละก็ ฝ้ายก็คงไม่จบชีวิตลงแบบนั้นหรอก...” ณัฐกานต์เอ่ยเปรยๆออกมา อย่างรู้สึกผิดที่ตอนนั้น เธอน่าจะใจใส่อีกนิด ถึงแม้ฝ้ายไม่ได้ร้องขอ แต่ในฐานะเพื่อน ในฐานะที่มีอำนาจก็น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้แท้ๆ....

“ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้น คุณหนูจะทำยังไงเหรอครับ?...” นายเจ๋งที่เอ่ยถามขึ้น ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์จ้องมอง ก่อนจะตอบกลับ

“ชั้นก็จะหยุดพี่ต้นนะสิ....”

“แล้วคิดว่าคุณต้น เค้าจะฟังคุณหนูเหรอครับ?....” นายเจ๋งตอบกลับ ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ชะงักไป ซึ่งสิ่งที่บอดี้การ์ดของเธอพูดนั้นคือเรื่องจริง ขนาด คุณลุง หรือ พ่อของนายต้นเอง นายต้นยังไม่ฟังเลย แล้วเธอเป็นใคร?....

“ด้วยความเคารพนะครับ ถึงตอนนั้น คุณหนูจะรู้ก่อน ผมก็เชื่อว่า สถานการณ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงจากตอนนี้มากนักหรอก อย่างน้อย เรื่องความสัมพันธ์ของคุณหนูกับคุณต้น นะ...” นายเจ๋งเอ่ยต่อ ซึ่งสิ่งที่บอดี้การ์ดของเธอพูดนั้น ก็มีส่วนที่จริงอยู่ ถึงเธอรู้ บางทีสถานการณ์ก็อาจะไม่ดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไรก็ได้...

“ถึงมันจะมีโอกาสที่จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อย มันก็คงทำให้ชั้นรู้สึกดีกว่านี้ เพราะนี่มันเหมือนชั้นปล่อยให้เพื่อนตายยังไงก็ไม่รู้...”ณัฐกานต์เอ่ยตอบ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงอารมณ์พอสมควร ซึ่งนายเจ๋งก็เหลือบมองจากทางกระจกเล็กน้อย..

“ เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ครับ คุณหนู อยู่ที่ว่าเราจะทำยังไงกับปัจจุบันมากกว่า...” นายเจ๋งเอ่ยขึ้น หลังจากที่ทุกอย่างนิ่งเงียบไปได้ครู่หนึ่งนั้น ถ้อยคำนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์นั้น มองบอดี้การ์ดของเธอ ก่อนที่เธอจะเอ่ยตอบ...

“ชั้นอยากจะฆ่าพี่ต้น นั้นคือ สิ่งที่ชั้นอยากทำในตอนนี้....” ถ้อยคำดังกล่าวนั้น ก็ทำให้ นายเจ๋งถึงกับชะงักไปพอควร เพราะนี่เป้นครั้งแรกที่คุณหนูของเขาเอ่ยแสดงความต้องการฆ่าใครสักคนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังสุดๆแบบนี้...

“ถ้าเป็นคนอื่นละก็.....ผมคงจัดการให้คุณหนู ในทันทีเลย...” นายเจ๋งตอบ...

“ชั้นเข้าใจ....สิ่งที่เราต้องการที่สุด คือ โอกาส กับแผนการดีๆสินะ....” ณัฐกานต์เอ่ยตอบอย่างเข้าใจ ด้วยท่าทีที่ครุ่นคิด ซึ่งเธอก็ไม่คิดเลยว่า ไม่กี่ปีหลังจากนั้น เธอจะมีโอกาสแก้แค้นให้กับเพื่อนของเธอได้จริงๆ....

To.....be.....ภาคจบ.

ผู้แต่ง

เป็นตอนที่ใช้เวลาปั่นนานมากกกกกกกกกกก สังเกตจากมุข บิ๊กบอส ได้ 5555555+ ปั่นตั้งแต่ กำลังติดลม กับ เมทัลเกียร์ 5 อิๆๆๆๆ....

ถ้าพูดตามตรง ตอนนี้เป็นภาคเนื้อหาครับ ส่วนภาคเสียว ตอนหน้าครับ...

รับสมัคร ดาราตัวประกอบ 1 คน บท แฟนของณัฐกานต์ ในตอนนี้...
(จะเป็นคนที่โดนเอาไปหมกอ่าวไทยในเรื่องหลักมัย อันนี้ไม่รู้ อาจ ใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้ เริ่มลังเลนั้นเอง )

พร้อมกับ รับสมัคร ตัวประกอบจำนวนมาก (สัก10-20คน) บท ลูกน้องของตัวร้าย  ในเรื่องใหม่ ที่กะจะเป็น main เสียวของปี จริงๆมันควรพร้อมลง ยั่ว ได้แล้ว ถ้าไม่มีเหตุซวยๆต้นปี (คือต้นฉบับบางส่วนมันหายไปพร้อมแอนดี้...) บอกได้เพียงว่า เป็นแนว HC และ รูท IF และเป็น รูท IF ของเรื่องเอาเพื่อนด้วย ชื่อเรื่อง ทาสมาเฟีย...... และนางเอกเรื่องนี้ คือ ณัฐกานต์ครับ...

(รูท IF คือ อนาคตอีกแบบครับ จะเกี่ยว หรือ ไม่เกี่ยวกับ ไทม์ไลน์หลักก็ได้... )

หาสนใจ ในบทไหน ลง ชื่อเล่น ที่ใช้ในเรื่อง + สิ่งที่อยากทำกับนางเอก  

ป.ล. ตอนนี้อยากได้คนเล่นแฟน ณัฐกานต์ก่อน หุๆๆ ^ ^

5 ความคิดเห็น:

  1. ผมคับ จารย์
    แฟนนางเอก. น่าสนุก
    ผมชอบเหมือนกัน มาเฟีย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ1 มีนาคม 2560 เวลา 23:56

    จำได้เรื่องนี้สนุกมาก. มีภาคต่อมาอีกสนุกดีครับชอบๆ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2560 เวลา 19:08

    เรื่องนี้สนุกมากครับผม ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  4. เรื่อวนี้เข้มข้นมาก ว่าแต่เพื่อนฝูงจะมีโอกาสมีภาคต่อไหมเนี่ย 55

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ1 กรกฎาคม 2560 เวลา 15:24

    หนุกๆ

    ตอบลบ