วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ผมกลายเป็นคน เอาเพื่อนเอาฝูง...ภาค 4

ผมกลายเป็นคน เอาเพื่อนเอาฝูง...ภาค 4 

หวัดดีครับเพื่อนๆ มาพบกับผมเป็นครั้งที่ 4 แล้ว....หากใครจำไม่ได้ก็ให้ขอกลับไปอ่านตอนเก่าๆดูนะครับ รู้สึกว่าเมื่อภาค ก่อนมีหลายคนถึงขั้นอยากฆ่าผมเลยทีเดียวกับความป็อดของผม...ที่ไม่กล้า เปิด web นั้น ไม่ต้องห่วงครับ ผมเปิดแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้...

แต่ก่อนจะเล่าถึง เรื่องราวในภาคนี้ ก็ขอบอกผลลัพธ์กับเพื่อนๆ ก่อน หลังจากเหตุการณ์ในตอนที่แล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับตาลก็รุดหน้าไปมาก ถึงแม้เรื่องฐานะความสัมพันธ์ยังอยู่ในขั้นคบหา มิใช่ แฟนก็เถอะ แต่ความสัมพันธ์ของเราก็ไปไกลกว่า ฐานะนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้น ผมกับตาลก็มีอะไรกันมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ก็อย่างที่เคยบอกไป คือ ไม่เคยมีอะไรกันเลย คบหากันแบบบริสุทธิ์ใจ...


สภาพของ ตาล หลังเหตุการณ์นั้น ก็เหมือนเขื่อนที่แตกพังก็ไม่ป่าน เพราะทุกปลายสัปดาห์ หลังจากเกิดเรื่องราวในตอนที่แล้ว ตาลก็มักมากาผม และให้ผมจัดเธอ 3 ยกเป็นอย่างน้อย...ถามว่าหนักหนามัย? ก็หนักหนาอยู่นะ เพราะเพื่อนๆอย่าลืมว่า ผมมิได้มีแค่ ตาล เพียงคนเดียว ยังมี “เต้ย” ดาราสาว เพื่อนในสมัยเด็กที่อยู่ห้องข้างๆอีกคน ซึ่งถ้าอาทิตย์ไหนเธอลอบเข้ามาขอให้ผมจัดเธอด้วย และปลายสัปดาห์ก็มี ตาล ไม่อยากจะบอกเลยว่า ถ้าอาทิตย์ไหนเป็นเช่นนั้น...

มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ และมันคงต้องเหนื่อยกว่านี้อีกแน่ หาก ตาล ได้เลิกกับแฟน และมาอยู่ผมแบบเป็นทางการละก็...และถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมา ผมก็คิดอยู่ว่าจะจัดการปัญหาเรื่องเต้ย ยังไงดี...

แต่เรื่องพวกนั้น เอาไว้ทีหลังละกัน ตอนนี้มาเข้าเรื่องราวหลักในครั้งนี้จะดีกว่า เรื่องราวหลักๆในตอนนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับ ตาล หรือ เต้ย รวมถึงเพื่อนสาวนิสัยแปลกๆอย่าง คุณแว่น ด้วย หากแต่เป็นสาวคนใหม่!! ทำไมพอพูดถึงตรงนี้ ผมรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนๆเขม่นก็ไม่ทราบ....

สาวคนใหม่ของตอนนี้ ถ้าบอกตามตรง ผมไม่เคยคิดเลย ว่าจะมีคืนวันที่ได้ทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ ใช่..ไมเคยคิดและต่อให้ตายก็ไม่คิดจะมีด้วย..โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นผมเองก็ยังคง งงๆอยู่ เรื่องราวเป็นไง เชิญอ่านไปพร้อมกันเลยครับ...

สาวประจำตอนนี้ เป็นใคร? เป็นเพื่อนในวัยไหน? สาวเจ้าของตอนนี้ เป็น สาวเจ้าที่ทำงานเดียวของผมเองครับ ถ้าเรียกก็คง “เพื่อนในวัยทำงาน” หรือ “เพื่อนที่ทำงาน” มาถึงตรงนี้เหมือนเห็นเพื่อนๆหลายคนทำตาโต ร้อง ว้าว.. ผมขอบอกว่า อย่าเพิ่งรีบตาโตร้องกันเลยครับ..(ทำมือไม้โบกไปมา...)

ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะความสัมพันธ์ของผม กับเธอคนนี้ไม่ได้สนิทสนม ตามแบบ ความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างเพื่อน แต่อย่างใด หรือพูดง่ายๆคือ ไม่ใช่เรื่องราวแบบ “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” ใช่...ไม่ได้สนิทสนม ความสัมพันธ์ของผมกับเธอคนนั้น ค่อนไปทางไม่ถูกกัน ประหนึ่งคู่กัดกันซะมากกว่า....
.

.
.

“ตกลง งานนี้ เราจะใช้ไอเดียของคุณณัฐ ก็แล้วกันนะ...” เสียงของหัวหน้างานที่เป็นชายวัย 45-50 ปี ที่เอ่ยกล่าวอย่างสรุปในที่ประชุม และบทสรุปดั่งกล่าวก็ทำให้การประชุมย่อยนั้น สิ้นสุดลงทันที และขณะที่ผมยืนขึ้นอย่างเก็บของนั้น สาวสวยที่กำลังลุกขึ้นและเก็บของเช่นเดียวกับผมนั้นก็ส่งสายตาและรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย เหมือนเย้ยหยั่นผู้แพ้อย่างผม...

ใช่...สาวสวยคนนั้น คือ สาวสวยของเรื่องราวในครั้งนี้ เธอมีชื่อว่า “ณัฐกานต์” หรือ “ณัฐ” แต่ส่วนใหญ่ทุกคนที่ทำงานจะเรียกเธอว่า “คุณณัฐ” ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไม ใครๆในบริษัทถึงเรียกเธออย่างสุภาพก็ไม่รู้? บางคนขนาดตำแหน่งใหญ่กว่า อาวุโส กว่ายังเรียกเธอแบบนั้นเลย... ซึ่งผมเป็นเพียงแค่คนหนึ่ง หรือ อาจจะ เป็นคนเดียวของ บริษัทก็ได้ ที่ไม่ได้เรียกเธออย่างสุภาพเช่นนั้น….

ณัฐกานต์ หรือ ณัฐ เป็น สาว หน้าสวยผมดำยาว ส่วนสูงและอายุนั้นก็ไล่ๆกับผม ส่วนรูปร่างก็โอเคเลยทีเดียว เรียกว่าน้องๆนางแบบก็คงได้ แถมประวัติการศึกษาก็ใช่ย่อย...เท่าที่ได้ยินมา จบจากนอก ด้วย....

โดยสรุปภาครวม “ณัฐ” ก็ ถือว่า เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ในบริษัทเลยทีเดียว...จริงๆผมก็เคยมีความคิดที่จะจีบเธอเหมือนกันนะ..แต่เพราะจริตที่เธอแสดงกับผมในครั้งแรกนั้น มันทำให้ผมล้มความคิดเรื่องจีบไปเลย...เธอมาทำงานหลังผม สักเล็กน้อย ทำงานในตำแหน่งเดียวกับผม ซึ่งผมก็ยังจำได้ถึงวันแรกที่เจอเธอ..

ทีแรกก็ดีๆหรอก แต่พอผมบอกไปว่าจบที่ไหนมาเท่านั้น ท่าทางของเธอก็ดูเปลี่ยนไป มีท่าทีดูแคลนด้วยซ้ำ...ถ้ามีแค่เรื่องสถาบันการศึกษาละก็ ยังพอทน....แต่มันก็ยังมีเรื่องอื่นอีก ถึงกระนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจว่า จุดเริ่มต้นของการไม่ถูกกันนั้นมาจาก เรื่องที่ผมจบจากไหนรึเปล่า ถึงทำให้ท่าทีของเธอดูเปลี่ยนไป เวลาการพูดจากับผมถึงค่อนไปทางดูถูก ไหนจะเรื่องการแสดงออกของคุณเธอที่มักแสดง ความมั่นใจแบบสูงปรี๊ด...

โดยที่เรื่องความมั่นใจของเธอนั้น ก็ทำให้ผมกับเธอถกเถียงเรื่องงานหลายครั้ง....ยังไม่รวมถึงท่าทีของคนอื่นๆที่ผมเอ่ยไปตอนต้นว่า แสดงท่าที นอบน้อมเธอเหลือเกิน..เรียกเธอนำหน้าด้วย “คุณ”  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม?...  และด้วยหลายเหตุผลที่ว่ามานั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบเธอเสียเท่าไร...แต่ผมก็ต้องยอมรับแหละว่า การทำงานของเธอนั้น ดีกว่าผมมาก เรียกได้ว่า ดี สมกับความมั่นใจอันสูงปรี๊ดของเธอก็ว่าได้...

ดีกว่าจน...ถ้าเกิดบริษัทอยู่ในสภาวะยำแย่จนต้องคัดคนออก ผมคงโดนแน่ๆ...เพราะงานของผมไม่เชิงสู้เธอไม่ได้ แต่ต้องเรียกว่าไม่โดนใจเท่ากับของเธอมากกว่า แต่ก็ใช่ว่า งานของเธอจะถูกเลือกตลอดนะ ก็มีบ้างที่งานของผมก็ถูกเลือกเช่นกัน แต่ถ้านับโดยรวมแล้ว ผมยังคงแพ้ให้กับเธออยู่ดี...

“ชั้นชนะอีกแล้วนะ ครั้งนี้จะพาชั้นไปทางข้าวได้ยังละ...” ณัฐกานต์ หรือ ณัฐ ที่เข้ามาเอ่ยกลับผม หลังจากที่ผมได้เดินออกจากห้องประชุม จนกลับมาถึงโต๊ะทำงาน..

“จำได้ว่า ผมไม่ได้พนั้นอะไรแบบนั้นนะ..” ผมตอบเธอ และก็ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาเอ่ยประมาณนี้ แต่หลายครั้งแล้ว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ทำไม?

“ใช่ นายไม่ได้พนั้น แต่มันเป็นหน้าที่ของผู้แพ้ ที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะ นะ..” เธอตอบ อย่างยิ้มๆ และมันเป็นคำตอบที่เธอมักจะใช้ทุกครั้ง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ถึงการกระทำนี้ มันเป็นการเย้ยหยั่นอย่างหนึ่งหรือเปล่า?...พองานของเธอชนะที่ไรก็มักเข้ามาหาผม โมเม บอกว่า ผมต้องเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนังเธอบ้าง มันอะไร!!

“ไร้สาระ...” ผมตอบเธอกลับ พร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปหาอะไรทานในช่วงกลางวัน โดยไม่สนท่าทีของเธอ ซึ่งผมก็ทำท่าทีแบบนี้ทุกครั้ง..ไม่สน ไม่ตอบสนอง และไม่สนใจด้วยว่าเธอจะมีท่าทียังไงเมื่อเจอผม ปฏิเสธ..และถ้าถามว่าผมแค้นมัย? ที่แพ้งานเธอ ก็มีบ้างครับ ตามทิฐิส่วนตัว เพราะด้วยมาดมั่นใจ ท่าทีที่ข่มคนอื่นเหมือนคุณหนูแบบนั้น มันทำให้ผมไม่ค่อยอยากจะแพ้เธอเสียเท่าไร แต่จะให้ทำไงได้...อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ไปว่า ฝีมือของเธอ เป็นของจริง...

และอีกเรื่องที่ตัวผมเองก็ลืมไปแล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้การทำงานของผมกับเธอมันออกมาในรูปแข่งขันกันไปได้ แทนที่จะช่วยเหลือกันอย่างที่ควร...แต่เรื่องการแข่งขัน หัวหน้าของพวกผมก็ไม่ได้ต่อว่านะ มีท่าทีชอบด้วยซ้ำ กับการทำงานในลักษณะนี้....

ถ้าพูดตามตรงเรื่องของณัฐนั้น ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากเสียเท่าไร เพราะปกติผมก็ไม่ได้เป็นพวกชอบรู้เรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ของคนที่ไม่ชอบก็ยิ่งแล้วใหญ่...คือไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ ประหนึ่งถือคติ ต่างคนต่างอยู่เลย มีแต่หล่อนเนี่ยแหละที่มาวุ่นวายกับผมเป็นช่วงๆ อย่างที่เห็นเมื่อกี้...

แต่ถึงกระนั้นเรื่องของเธอที่ผมรู้ ก็มีอีกเรื่อง คือ รู้สึกว่า เธอจะมีแฟนแล้วนะครับ...ใช่ ไม่อยากเชื่อใช่มัย ตอนที่ผมรู้ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ตอนที่ได้ยินนะ โคตรจะนับถือผู้ชายคนนั้นเลย ที่ทนนิสัยและมาดเอาแต่ใจของเธอได้ยังไง ขนาดผม ผมยังรู้สึกไม่ชอบ และหมั่นไส้เลยครับ...โดยที่ความรู้สึกของผมที่มีต่อ ณัฐ เพื่อนสาวที่ทำงานนี้ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั้ง คืนนั้นที่มีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้น (ถ้านับแล้ว ก็ราวๆเกือบจะ 2 ปีได้ที่ผมรู้จักกับณัฐ...)

คืนนั้นมัน เป็นวันที่โบนัสออก ผมกับเพื่อนอีก 2-3 คนก็ไปกินเลี้ยงตามวิสัย ซึ่งในคืนนั้นผมก็ไม่มีนัด จาก ตาล และ เต้ย เรียกว่า เป็นคืนสุดสัปดาห์ที่ปล่อยผีก็ว่าได้...และตอนที่กินกันเสร็จ จนเดินกลับมาที่รถที่จอดอยู่ที่ลานกว้าง ผมก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นมีคนมายืนพิงที่รถของผม...ซึ่งคนที่มายืนพิงนั้นก็คือ ณัฐกานต์....

“ว่าแล้ว...ต้องเป็นรถนายจริงๆ...” ณัฐกานต์เอ่ยกับผมอย่างยิ้มฝืนๆเหมือนมีท่าทีเศร้าๆ แถมในมือของเธอถือกระป๋องเบียร์อยู่ด้วย...ซึ่งถ้าเป็นปกติผมคงไม่เอ่ยถามเธอหรอกแต่บังเอิญตลอดอาทิตย์นั้นเธอมีเรื่อง จึงทำให้ผมต้องเอ่ยถามเธอสักหน่อย...

“มีอะไรรึเปล่า?...”

“จะว่ามี หรือไม่มีดีละ? ชั้นยังไม่อยากกลับบ้าน นายช่วยพาชั้นไปไหนก็ได้ ได้มัย? พาขับรถเล่นก็ได้...ส่วนเรื่องค่าน้ำมันชั้นจะออกให้...” เธอที่หันมามองผมเล็กน้อยและค่อยเอ่ยตอบ ด้วยน้ำเสียงที่ดูผิดปกติ ไม่ค่อยสมกับเธอเท่าไร แต่ผมก็ยอมทำตามที่เธอร้องขอนะ ก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ตลอดอาทิตย์นั้น ณัฐกานต์ เธอมีเรื่องราวตลอด จากที่ผมได้ยินคนอื่นพูดกัน ดูเหมือนเธอจะทะเลาะกับแฟน แถมทะเลาะกันแบบรุนแรงด้วย...

“ชั้นเพิ่งถูกแฟนบอกเลิกมาละ?...” ณัฐกานต์ที่อยู่ๆเอ่ยกล่าวขึ้น หลังจากที่ผมขับรถออกจาก ห้างที่มานั่งกินนั่งดื่มกับเพื่อนๆนั้น ได้สักระยะ..โดยที่ห้างที่ว่าก็ไม่ได้ห้างใหญ่ เป็นห้างแนวใหม่ ที่ไม่ได้มีตึกใหญ่ แต่มีตึกเล็กๆ ตั้งๆ ซึ่งมีร้านค้าหลายอย่างไม่ต่างจากห้าง ทั้งเสื้อผ้า ของกิน ของใช้...

“อืมมมม งั้นเหรอ?...เสียใจด้วยนะ..” ผมเอ่ยตอบตามที่ควรจะตอบ โดยที่ผมนั้นก็ไม่ค่อยแปลกใจนะ เพราะก็คาดไว้แต่แรกตั้งแต่พอรู้ว่าเธอมีแฟน ก็ยังคิดอยู่เลยว่า นิสัยอย่างเธอ ผู้ชายเค้าคงทนไม่นานหรอก เพราะบางครั้งผมเคยได้ยินเธอโทรศัพท์พูดคุยกับแฟนชนิดโขกสับ และเอาแต่ใจมากๆด้วย..

ก่อนที่ผมจะทำหน้าที่ขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งผมก็ชำเลืองมองดูเธอเป็นระยะๆ ซึ่งก็พบว่า ณัฐกานต์นั้นก็เอาแต่จิบเบียร์เหมือนย้อมใจกลบความเศร้าก็ไม่ป่าน และนั้นก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่ต้องถามเธอ ทั้งๆที่ผมเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแท้ๆ...

“รักเค้ามาก ขนาดนั้นเลยเหรอ?...” ผมถามเธอ เมื่อรถติดไฟแดง ด้วยความสงสัย เพราะดูจากท่าทีของเธอนั้น แต่คำตอบที่ได้รับกลับผิดคาด...

“เปล่า ชั้นไม่ได้รักเค้าหรอก แต่ที่เห็นเศร้าอยู่นี่ เพราะรู้สึกเจ็บใจมากกว่า ที่เป็นฝ่ายถูกบอกเลิกก่อน ทั้งๆที่มันควรเป็นชั้นที่เป็นฝ่ายบอกเลิกมากกว่า..ทั้งๆที่เป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหน และน่าเบื่อแท้ๆ แต่ดันมากล้า มาบอกเลิกชั้นก่อน...” คำกล่าวตอบของเธอ ที่เอ่ยและจิบเบียร์ไปพลางนั้นก็ทำให้ผมอึ้งเหมือนกัน แต่คิดๆดูแล้วก็สมเป็นเธอเหมือนกัน...ที่เกลียดความพ่ายแพ้...

“คงไม่ได้กล้าอะไรหรอก บางทีเค้าก็แค่อาจจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วก็ได้..” ผมที่เอ่ยโพล่งขึ้น พร้อมกับเหยียบคันเร่งทันทีที่ ไฟสัญญาณเป็นสีเขียว ถ้อยคำของผมที่ทำให้เธอหันมามอง ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเรื่องแล้วจาก คำพูดตรงๆ ของผม

“ยังเป็นคนที่พูดตรงๆเหมือนทุกทีเลยนะ ทั้งๆที่ชั้นกำลังเศร้าแบบนี้อยู่แท้ๆ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยโต้ตอบถ้อยคำของผม ซึ่งผมก็โต้ตอบเธอ...

“ เศร้า เพราะไม่ได้บอกเลิกเค้าก่อนเนี่ยนะ...” ผมตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งเธอก็หันมองผมอย่างยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่าง...


“นี่...ผู้ชายเค้าไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่ใจ...หรือ ทำตัวเป็นผู้นำเค้างั้นเหรอ?...” คำถามของเธอ ก็ทำให้ผมชำเลืองมามองเธอเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่า เธอจริงจังกับคำถามนั้น ผมจึงเอ่ยตอบอย่างตรงๆเช่นกัน...

“อืมมม...จะพูดไงดีละ? เรื่องเอาแต่ใจ นี่ มันไม่เท่าไรนะ มันแล้วแต่คน บางคนก็ทนได้ บางคนก็ทนไม่ได้... แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ อย่างหลังมากกว่า เพราะยังคงมีผู้ชายบางส่วน ที่มีทิฐิแบบโบราณๆอยู่ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นเก่งกว่าเค้าจริง พวกเขาก็ยอมรับไม่ได้...”

“แล้วนายก็เป็นจำพวกนั้นด้วยสินะ...” ณัฐกานต์เอ่ยถามต่อ...

“ไม่หรอก ถ้าเป็นพวกนั้นจริง คงไม่ทนทำงานต่ออยู่จนถึงวันนี้หรอก คงลาออกไปตั้งแต่แพ้เธอหลายครั้งติดกันแล้ว..” ผมตอบ ขณะกำลังยังขับรถ โดยยังไม่กำหนดจุดหมายปลายทาง....

“นั้นสินะ... งั้นขอเปลี่ยนคำถามใหม่ นายนึกชอบผู้หญิงแบบชั้นบ้างมัย?...” คำถามข้อนี้ของเธอ ทำให้ผมหันมองเธอเล็กน้อย...

“เอาตรงๆนะ...” ผมที่ค่อยๆเอ่ยกล่าวขึ้น ซึ่ง ณัฐกานต์ที่มองผมนั้นก็พยักหน้าเชิงตอบรับว่า อยากให้ผมตอบตรงๆ..ก่อนทีผมจะตอบบอกเธอ...

“ถ้าตัด หรือ ลด ความมั่นใจบ้าๆที่สูงเกินปกติ กับคำพูดจาที่ดูเสียดสีดูถูกชาวบ้านนั้นออกไป เธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจคนหนึ่งนะ..”

“หมายความว่าถ้าชั้นลด 2 อย่างนั้นได้ นายก็จะสนใจชั้นเหรอ?..” เธอตอบกลับอย่างเชิงถาม ซึ่งผมก็แปลกใจที่เธอไม่นึกโกรธคำตอบตรงๆของผมเลย แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้เอะใจ ในนัยยะแฝงของถ้อยคำนี้....

“ไม่ใช่แค่ผมหรอก ถ้าเธอลด 2 อย่างนั้นได้ คงมีผู้ชายอีกเพียบเข้ามาให้เธอเลือกเลยละ..” ผมตอบ...

“แล้วลักษณะการทำงานชั้นต้องเปลี่ยนแปลงรึเปล่า?...”

“ไม่ต้องหรอก...แค่หรับปรุงนิสัย กับการแสดงออก เท่านั้นก็พอแล้ว หรือพูดให้เจาะลึกกว่านี้หน่อย ก็ควรมีท่าทีให้ดูแตกต่าง อย่างตอนที่ทำงาน เป็นอีกแบบ ตอนอยู่กับคนรักก็อีกแบบ...ถ้าปรับปรุงได้ถึงขนาดนี้ แล้วยังมีคนบอกเลิก ทิ้งเธออีก ก็บอกเลยว่า ผู้ชายคนนั้นมันโง่มากแล้วละ?...” ผมที่ยังคงตอบคำถามของเธออย่างตรงๆไม่อ้อมค้อม ซึ่งสิ่งที่ผมพูดมานั้นก็ออกมาจากใจจริงทั้งนั้น เพราะลักษณะการทำงานของเธอมันดีอยู่แล้ว ผมเองยังยอมรับเลย...

สิ่งที่สำคัญ คือ เรื่องนิสัยซะมากกว่า หากยังคงมีนิสัยแบบนี้ หนุ่มๆที่เข้ามาก็คงทนกันได้ไม่นานหรอก...หากเธอยังทำตัวสูงส่ง จิกกัดดูถูก ด้วยท่าทีที่ไม่รู้ว่ารู้ตัวรึเปล่าแบบนั้น...
“อือออออ...จะลองดูนะ...และก็นี่เป็นครั้งแรก ใช่มัยที่เราคุยกันดีๆแบบนี้นะ..” ณัฐกานต์เอ่ย ซึ่งถ้อยคำตอบกลับของเธอนั้น ก็ทำให้ผมเพิ่งนึกมาได้ ซึ่งจะว่าไปก็เป็นดั่งที่เธอว่า จริงๆ เพราะตลอดเวลาที่คบกับเธอในฐานะเพื่อนร่วมงาน เราไม่เคยคุยกันดีๆแบบนี้เลย ส่วนใหญ่ มักจะถกเถียงกัน ชนิดเปิดทำสงครามย่อยๆ กันมากกว่า...
“มันก็จริงนะ...” ผมเอ่ยตอบ และหมายจะเอ่ยปากถามเธอว่า เธอคิดออกรึยัง? ว่าอยากไปไหน อยากกลับบ้าน หรือ กลับที่ห้างนั้น เพื่อไปเอารถ...แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยถาม เธอก็ชิงพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อน...

“ชั้นขอโทษนะ....ที่ทำกริยาไม่ดีกับนายในตอนแรกนะ...ตอนที่รู้ว่านายจบมาจากที่ไหนนะ..” ถ้อยคำของเธอนั้นก็ทำให้ผมต้องหยุดที่จะเอ่ยถาม และตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด ซึ่งการขอโทษของเธอนั้น ก็ทำให้ผมอึ้งๆ เหมือนกัน เพราะเรื่องราวมันตั้งเกือบ 2 ปีก่อนแล้ว....

“จริงๆ ชั้นว่าจะขอโทษนายตั้งนานแล้ว ใช่ ตั้งแต่เห็นการทำงาน เห็นผลงานของนาย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงพูดออกมาดั่งที่ตั้งใจไว้ ไม่ได้สักที..ทั้งๆที่อยากจะพูดแบบดีๆ แต่สุดท้ายไหงเป็นเหมือนเพิ่มการดูถูกดูแคลนนายก็ไม่รู้...” ถ้อยคำถัดมาของณัฐกานต์นั้นก็ทำให้ผม ยิ่งอึ้งและแปลกใจมากขึ้น...ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆนะเนี่ย..

มีด้วยเหรอ ที่เธอตั้งใจจะขอโทษผมนะ หรือ อาจจะมี และเป็นดั่งที่เธอบอกคือ สุดท้ายก็กลายเป็นการดูถูก หรือ การต่อปากต่อคำไปซะได้...

“อืมมมม...แล้วนี่คิดได้รึยังละว่า อยากไปที่ไหน จะกลับไปที่เดิมเพื่อไปเอารถมัย?...” ผมที่เอ่ยถาม ในสิ่งที่ต้องการจะถามเธอตั้งแต่เมื่อกี้ และเหตุผลที่ผมถามเธอนอกจาก ตัวของผมเริ่มคิดไม่ออกแล้ว ว่าจะขับรถพาเธอไปไหนต่อดีนั้น...นอกจากนั้นผมก็เห็นว่า อารมณ์ของณัฐ นั้นก็เริ่มคงที่ และดีขึ้นแล้วด้วย...

“ อืออออออ...คิดได้แล้วละ....ชั้นอยากจะไปบ้านของนายจะได้มัย?...” คำกล่าวตอบของเธอที่เอ่ยเหมือนไม่คิดนานนั้นก็ทำให้ผมชะงักทันที....

“หะ หา???..” ผมเอ่ยอย่างท่าทีอึ้งๆ ก่อนที่ณัฐกานต์นั้น เค้าจะอธิบาย/ขยายความ คือ ที่เธอยังไม่อยากกลับบ้าน เพราะถ้ากลับไป สภาพแบบนี้ได้มีเรื่องกับคนที่บ้านยาวแน่...และยังคงอยากดื่มทานอีกหน่อยด้วย...ซึ่งผมเองก็พยายามกล่อมเธอเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องจำยอมทำตามที่เธอต้องการ พาเธอไปยังที่บ้านของผม ห้องพักที่คอนโด...

“คอนโดเหรอ? เอาเถอะ ชั้นก็ไม่คิดว่า อย่างนายจะมีบ้านเป็นคฤหาสน์ อยู่แล้วนี่...” นั้นเป็นคำแรกที่ณัฐกานต์พูดถึงที่อยู่ผม ซึ่งผมควรดีใจมัยเนี่ยที่เธอพูดจาเหมือนตอนปกตินิดๆแล้ว....ก่อนที่ผมจะพาเธอขึ้นไปนั้น ผมก็ได้ไปซื้อเบียร์มาเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และค่อยพาเธอขึ้นไปที่ห้องของผม โดยไม่มีความกังวลแต่อย่างใด...เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ค่ำคืนนี้ ไม่มี ตาล หรือ เต้ย เลย....ถ้ามี ผมคงต้องนั่งไล่ตอบคำถามอย่างยืดยาวแน่ๆ...

“อืมมม ดูดีกว่าที่คิดนะ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ย เมื่อเธอได้เดินเข้ามาในห้องของผม ก่อนที่เธอจะหันมาเอ่ยถามผม...

“นายมีแฟนแล้วเหรอ?...” คำถามของเธอที่ทำให้ผมชะงักเล็กน้อย ด้วยท่าที งง สงสัย ก่อนที่หล่อนจะอธิบายเพิ่มเติม...

“ก็ในห้องของนาย...มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงคละคลุ้งอยู่...แต่เท่าที่ชั้นสังเกตก็ไม่เคยเห็นนายจะสวีทอะไรกับใคร หรือมีท่าทีที่สมกับคนที่มีแฟนแล้วนะ หรือว่า แท้จริง นายเป็นพวกภัยสังคมที่ ชอบหิ้วสาว มาปล้ำที่ห้อง!!...” ณัฐเอ่ยกล่าวต่อ พร้อมกับทำท่าทีกลัว ซึ่งถ้อยคำนั้น นอกจากจะทำให้ผมอึ้ง และ ทึ่ง เพราะผมไม่ได้กลิ่นน้ำหอมที่ว่านั้นเลย ก่อนจะเอ่ยเชิงแย้ง...

“เลิกมโนมั่วๆซั่วๆได้แล้ว...” ผมตอบ ก่อนจะเกาหัวเล็กน้อย และค่อยตอบคำถามที่เธอได้ถามไปนั้น...

“ถามว่ามีแฟนมัย? มี แต่ยัง เรายังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่า แฟน หรอก แค่กำลังคบหาดูใจกันอยู่นะ..” ผมที่เอ่ยต่อ และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองมัย แต่รู้สึกเหมือน ตัวของณัฐกานต์จะดูเศร้าๆกว่าเดิม หลังจากที่ผมได้เอ่ยบอกเธอไปว่า มีสาวเจ้าที่กำลังคบหาอยู่...

จากนั้น ผมกับเธอก็นั่งดื่มทานในห้อง... ดื่มทานและผลัดกันเล่า วีรกรรมบ้าๆของตัวเอง มาเป็นกับแกล้ม และนั้นก็ทำให้ผมกับเธอต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ผมก็ค่อนข้างแปลกใจกับเรื่องเล่าของเธอ ที่มันก็ออกธรรมดา ไม่ต่างจากคนทั่วไป ทีแรกผมไม่นึกว่าเธอจะมีเรื่องเล่าบ้าๆบอๆได้มากขนาดนี้ ชนิดที่สมควรเรียกว่าเป็น ยัยเพี้ยน เลยก็ว่าได้...

แถมไม่รู้ว่าทำไม ถึงทำให้ผมกลับคิดว่า แต่ละเรื่องที่เธอเล่า มันคือเนื้อแท้จริงๆของเธอ...ซึ่งถ้ามันใช่ คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอต้องบังคับตัวเองให้ทำตัวเหมือนดูสูงส่งเอาไว้....

“นี่เราคุยกันจนเวลาผ่านไปนาน ขนาดนี้แล้วเหรอ?...” ผมที่เอ่ยขึ้น เมื่อชำเลืองมองนาฬิกาก็พบว่า จะใกล้ตี 2 แล้ว...ซึ่งผมกับณัฐนั่งคุยนั่งดื่มกันตั้งแต่ เที่ยงคืนนิดๆ...และอีกสาเหตุที่ชำเลืองมองนาฬิกา เป็นเพราะเบียร์ที่ซื้อมามันหมดแล้วด้วย..

“อืมมม นั้นสิ ไม่รู้สึกตัวเลยนะเนี่ย ว่าเวลามันผ่านไปขนาดนี้แล้ว...” ณัฐ ตอบอย่างเห็นด้วยกับผม ก่อนที่ผมจะร้องถามกับเธอ...

“งั้นก็คงได้เวลาเลิกสนุก...” ผมเอ่ย และทำการจิบเบียร์ โดยกะว่าเมื่อหมดกระป๋องที่ถือนี่เมื่อไร ก็จะลุกขึ้น และถามเธอ เกี่ยวกับการพักผ่อน...ว่าต้องการอาบน้ำ ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้ามัย? แน่นอนว่าผมก็กะให้เธอใช้เตียงผม ส่วนผมก็คงนอนที่โซฟาที่เรากำลังนั่งดื่มทานเนี่ยแหละ...

“ไม่ใช่ ต้องบอกว่า ได้เวลาเริ่มสนุกมากกว่า...” ณัฐ ที่เอ่ยแย้ง ซึ่งผมก็ค่อยชำเลืองมองยังที่เธอ อย่าง งงๆ กับถ้อยคำของเธอ และเมื่อชำเลืองมอง ผมก็ต้องชะงัก เมื่อเธอได้ขยับร่างตรงเข้าหาผม..จนทำให้ผมต้องเอ่ยเรียกชื่อของเธออย่างเชิงถาม...

“ณัฐ?...”

“สนใจ มีอะไรกับชั้นในคืนนี้มัย? ...”ถ้อยคำของเธอที่ค่อยๆเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าท่าทีที่ดูจริงจัง ซึ่งทำให้ผมอึ้งไม่น้อย อึ้งชนิดที่เกือบแทบสร่างเมาเลย..หลังจากที่เอ่ยถ้อยคำดั่งกล่าว ผมกับเธอต่างก็จ้องมองหน้ากันอย่างไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง และก็เป็นณัฐกานต์ที่เป็นฝ่ายเอ่ยอย่างทำลายความเงียบนั้น...

“ชะ ชั้นล้อเล่นนะ...” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับขยับตัว ถอยและค่อยลุกขึ้น ท่ามกลางสายตาของผมที่จ้องมองเธอ ด้วยความสงสัย ว่าถ้อยคำ เมื่อครู่มัน เป็นเรื่องจริง? หรือ ล้อเล่น กันแน่ จะว่าไป ผมก็อ่านสีหน้าของณัฐเวลานี้ไม่ออกเลย เพราะสีหน้าของเธอนั้นมันได้ระเรือแดง จากการดื่มทานอยู่แล้ว...ต่อให้รู้สึกเขินอายหลังจากเอ่ยถ้อยคำเมื่อกี้ผมก็ไม่มีทางรู้ได้หรอก...

“ชะ ชั้นขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะ..”ณัฐกานต์ที่เอ่ยขึ้น เมื่อเธอได้ยืนขึ้น ซึ่งผมก็เอ่ยตอบเธอ...

“อื้อออออ ห้องน้ำ อยู่ทางนั้นนะ..” ผมตอบพร้อมกับชี้ทางไปห้องน้ำ ซึ่งณัฐกานต์ก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะขยับหันอย่างเตรียมเดินไปยังที่ห้องน้ำทางที่ผมชี้ แต่เธอก็ก้าวเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไม่สิ ต้องเรียกว่า ได้แค่หันยังไม่ได้ก้าวเท่าเลยซะมากกว่า อยู่ๆเธอก็ลื่นเสียหลักและมีท่าทีจะล้มขึ้นมาซะงั้น....

“ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย...” เสียงของณัฐที่เอ่ยร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อตนเองเสียหลักและลื่นล้มหงายหลัง และโชคดีของเธอที่ผมได้จับตามองเธอและไหวตัวทันจึงขยับเข้ารับร่างที่ลื่นไถลจะล้มหงายหลังนั้นได้ทัน...

“มะ ไม่เป็นไรใช่มัย?...” ผมร้องถาม หลังจากที่ช้อนรับร่างของณัฐกานต์ไว้ได้ทัน ซึ่งพอหลังจากที่ผมได้ทำการเอ่ยถาม ผมก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าใบหน้าของผมกับเธอนั้นห่างกันเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น นอกจากใบหน้าที่ใกล้ชิดกันมากๆแล้ว มือไม้ข้างหนึ่งที่ได้เข้าช้อนรับร่างของเธอนั้นก็ดันไปวางทาบทับเหมือนเตรียมบีบคลึงหน้าอกข้างหนึ่งของเธออีกด้วย..

“อืมมมมม..” ณัฐกานต์เอ่ยตอบคำถามของผมอย่างสั้นๆ ซึ่งเธอก็ไม่มีท่าทีจะต่อว่าเรื่องมือไม้ของผมที่วางผิดที่ผิดทาง และตัวผมก็ไม่คิดที่จะขยับมือไม้ข้างดั่งกล่าวออกด้วย ซึ่งพอหลังจากที่เธอเอ่ยตอบรับ ผมกับเธอต่างจ้องมองกันและกันอย่างนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร หรือ มีท่าทีอะไร....

โดยที่ผมไม่แน่ใจว่า พวกเราได้ค้างกันอยู่ในสภาพแบบนั้นนานแค่ไหน...5 นาที? มารู้ตัว และจำได้อีกที ริมฝีปากของผมกับเธอก็ได้กระกบสัมผัสกันเสียแล้ว ซึ่งผมก็จำไม่ได้และไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนขยับริมฝีปากเข้าทำการสัมผัสกันแน่ ผม หรือ เธอ? เพราะสภาพท่าทางของพวกเราในตอนนั้น ผมก็ยอมรับแหละว่า ก็มีอารมณ์อยากจูบเธอเหมือนกัน....

ถึงแม้ผมจะจำไม่ได้ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มการจูบก่อน แต่วินาทีนั้นก็ดูเหมือนทั้งผมและณัฐกานต์ ต่างก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นกันแล้ว ต่างขยับริมฝีปากสัมผัสกันอย่างไปมา และมิได้สัมผัสอย่างธรรมดา หากแต่ทำการแลกลิ้นกันอีกด้วย..และการจูบดั่งกล่าวก็เหมือนเป็นการจุดไฟราคะของผมกับเธอให้ลุกโชกขึ้นก็ไม่ป่าน...

เพราะหลังจากที่พวกเราจูบ...จูบแรกกันเสร็จ ถ้ามีใครสักคนแสดงท่าทียุติ ผมก็เชื่อว่าเรื่องมันก็คงไม่ขยายผลไปมากกว่านี้แน่ แต่เพราะว่าไม่มี แถมยังมีการจูบซ้ำ รอบ 2 ซึ่งรอบนี้ผมจำได้ว่า ณัฐกานต์เป็นฝ่ายขยับเข้ามาจูบปากผมซ้ำย้ำ และเหมือนเธอจะเอ่ยพึมพำอะไรสักอย่าง...

และการจูบ ซ้ำ ย้ำอีกรอบนั้น ก็ทำให้ไฟสวาทนั้นลุกโชค อย่างหยุดไม่อยู่อีกแล้ว...นอกจากจะทำการจูบปากแลกลิ้นกันและกันนั้น มือไม้ของผมข้างที่วางทาบทับบนหน้าอกหน้าใจข้างหนึ่งของเธอนั้น ก็ได้ทำการบีบคลึงหน้าอกข้างนั้นของเธออย่างไปมา ถึงแม้จะยังมีทั้งยกทรงและเสื้อผ้าขวางอยู่ก็ตาม ใช่...บีบคลึงอยู่สักแป๊บ ก่อนที่จะขยับทำการปลดเปลื้อง กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เป็นชุดทำงานของ ณัฐกานต์นั้นออกจนหมด....

และในขณะที่ผมจะเลื่อนมือกลับขึ้นมาเพื่อ หมายจะปลดยกทรงของเธอออกนั้น....

“นี่...เราไปต่อกันที่เตียงเถอะนะ..” ณัฐกานต์ที่เอ่ยกล่าวเชิง ชักชวนผมด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและใบหน้าที่แดงก่ำกว่าเดิม ซึ่งการเอ่ยกล่าวของเธอนั้นก็ทำให้ผมชะงัก ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ และผมกับเธอต่างก็พากันไปยังที่ห้องนอน ใช่ ห้องนอนของผม...

และเมื่อไปถึงผมกับณัฐก็ทำการยืนจูบปากกันและกัน...พร้อมกับทำการถอดเสื้อผ้าของตนเองนั้นออกไปด้วย...และก็เป็นณัฐที่เป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกจากปากของผม และทำการขยับถอย ก่อนจะล้มตัวลงนอนยังที่เตียงในสภาพที่เธอนั้นเหลือเพียงกางเกงในเพียงตัวเดียว...ขณะที่ผมที่ยืนมองนั้นก็ยังเรื่องกางเกงแบบครบครั้นไม่ว่ากางเกงทำงาน หรือ กางเกงใน..

“อือออออออออ...” เสียงครางเบาๆของณัฐที่เอ่ย หลังทำการล้มตัวลงนอนและจ้องมองผมด้วยสายตาที่เชื้อเชิญ..ซึ่งผมก็ได้ขยับเข้าไปหา ทำการขึ้นคร่อมร่างของเธอ อย่างไม่รอช้า...และแน่นอนว่า เมื่อพอเข้าคร่อมร่างของเธอ ก็ทำการจูบปากของเธออีกครั้ง...

แต่คราวนี้ไม่ได้จูบกันอย่างเนิ่นนานเสียเท่าไร หากแต่จูบกันเพียงแป็บเดียวกันอย่างเบาๆ...ก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้าซอกไซ้ อย่างเริ่มต้นการเล้าโลมเธอ ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์นั้นร้องครางดังขึ้นด้วยความสยิวเสียว....

“อื้ออออออออออออ อืออออออออออออ...” เธอที่ส่งเสียงเอ่ยร้องดังขึ้น ขณะที่ผมก็ไซซอกคอของเธออยู่เพียงเล็กน้อยและค่อยขยับเลื่อนต่ำลงไปหาเป้าหมายแรกในการทำการเล้าโลมเธอนั้น ใช่แล้วครับ เลื่อนใบหน้าและตัว ลงเพื่อไปหายังเต้านมของเธอ ซึ่งผมก็ชะงักและยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเธอใช้มือไม้ของตัวเองวางทาบปกปิดเต้านมของตัวเองอยู่นั้น...

และถ้าจำไม่ผิดเธอก็ปกปิดหน้าอกของตัวเองตั้งแต่ ล้มตัวลงนอนแล้วด้วย...ผมที่จ้องมองอย่างยิ้มๆ ก่อนจะขยับมือไม้เข้าทำการแกะยกมือไม้ของณัฐกานต์ออก ซึ่งเธอก็ยินดียินยอมให้ผมเอามือของเธอออกอย่างว่าง่าย ไม่มีแรงขัดขืนหรือการต่อต้าน แต่อย่างใด และตัวของผมก็ต้องตาโตเล็กๆ เมื่อได้ยลโฉมเต้านมของเธอนั้น...

“สวย..จัง...” ผมเอ่ยออกมาอย่างทันทีแบบเบาๆ กับทรวงอกที่เข้ารูป...และมียอดปทุมสีสวยๆ ซึ่งขนาดของทรวงอกของเธอนั้น มันใหญ่กว่าที่ผมเคยคาดไว้...จริงๆเรื่องขนาดนี่ ผมก็พอรู้ตั้งแต่ตอนที่ได้แตะสัมผัสยังเมื่อกี้นี้แล้ว การได้เห็นมันด้วยตานั้นมันเป็นการย้ำให้แน่ชัดมากขึ้น...

และไม่กี่อึดใจหลังจากที่ผมเอ่ยชมถึงความงามยังเต้านมของณัฐกานต์นั้น ผมก็เริ่มทำการขยับใบหน้าก้มลงลิ้มลองทรวงอกของเธออย่างทันที...

“อะ อืออออออออออออออ...” ณัฐกานต์สาวสวยผมดำยาวทีเอ่ยครางอย่างสะท้าน ด้วยท่าทีที่แอ่นหน้าอกขึ้นแทบทันทีที่ ริมฝีปากของผมได้เข้าขบดูดยังยอดปทุมถั่นของเธอนั้น...

“อือออออออออออ...อ๊าาาาาาาาาาาาา...” เสียงใสๆของณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องดังขึ้น ด้วยความเสียวจากแรงขบดูดที่เริ่มกระทำอย่างหนักขึ้น ซึ่งผมก็หาได้เพียงแค่ขบดูดปทุมถั่นของเธอเท่านั้น หากแต่ใช้มือไม้อีกข้างเข้าทำการบีบคลึงเต้านมอีกข้างของณัฐกานต์ไปด้วย...

“อื้อออออ อูยยยยยยย กายยยย...” เธอทมี่เอ่ยครวญและเริ่มเรียกชื่อของผม อย่างบงบอกถึงความเสียว ซึ่งผมก็หาได้ใส่ใจในท่าทีการร้องครางของเธอแต่อย่างใด หากแต่ยังคงขบดูดปทุมถั่นข้างนั้นของเธอต่อไป และเมื่อปทุมถั่นข้างนั้น ตั้งชั่นและแข็งขึ้น ผมก็ค่อยขยับหันไปดูดปทุมถั่นอีกข้าง...เรียกได้ว่าผมทำการขบดูดจนปทุมถั่นทั้ง 2 ของเธอชุ่มฉ่ำและตั้งชั่นเลยละ...

และหลังจากที่ผมได้ใช้เวลาไปครู่ใหย่ในการเล่นกับหน้าอกหน้าใจของ ณัฐกานต์นั้น ผมก็ค่อยๆขยับตัวเลื่อนลงต่ำ และไม่ใช่เลื่อนอย่างธรรมดา หากแต่ค่อยๆเลื่อนตัวลงพร้อมกับลงลิ้นลากเลียตามลำตัวที่ขาวนวลของณัฐกานต์นั้นไปด้วย

เล่นทำเอาเสียงใสๆ เสียงสูดปากของเธอนั้น ดังอย่างเป็นระยะๆเลย..และเมื่อผมเลื่อนตัวมาถึงเป้าหมาย ที่เป็นเป้าหมายที่สำคัญนั้น ผมก็จ้องมองดูยังเป้าหมายสำคัญที่ยังถูกปกปิดด้วยกางเกงในสีหวาน..แถมกางเกงในนั้นก็มีท่าทีแฉะชื้นพอสมควรด้วย ใช่ ผมมองมัน ก่อนที่จะตัดสินใจทำการรูดถอดมันออก...

“วะ ว้ายยยยยยยยยยย..” ณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ เมื่อถูกผมจัดการรูดกางเกงในที่เป็นปราการ หรือ เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวของเธอออก ซึ่งเธอก็เอ่ยร้องแต่ก็ไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด ใช่ไม่ขัดขืนเลย ถึงแม้สิ่งที่ผมจะทำต่อไป คือการจับแข้งขาของเธอแหกอ้าก็ตาม...

ผมที่จับแข้งขาของเธออย่างแหกอ้า หมายต้องการยลโฉมของสงวนของเธอ...ซึ่งผมก็ชะงักเล็กน้อยทันทีที่ได้เห็น ของสงวน หรือ หีของณัฐกานต์นั้น ซึ่งหีของเธอนั้นก็มีขนไม่เยอะมากเท่าไร แต่เรื่องป่าไม้นั้น ก็ไม่ได้เป็นตัวที่ทำให้ผมชะงักหรอกหากเป็นสภาพหีของเธอที่มิได้ปิดบิด หากแต่มีสภาพบานแคมปลิ้นแลบนิดๆ คล้ายๆหีของ ตาล แต่สภาพการแหกการปลิ้นนั้นน้อยกว่า....

“อย่าจ้องขนาดนั้นสิ ชั้นรู้นะว่า หีชั้นมันไม่สวย...แต่ที่มันเป็นแบบนั้น เพราะตอนเรียนเมืองนอก ชั้นเผลอตัวมากไปหน่อย..” ณัฐกานต์เอ่ยกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเขินอาย และถ้อยคำดั่งกล่าว ก็ทำให้ผมไม่ค่อยแปลกใจเสียเท่าไร หากแต่กลับสงสัยมากขึ้นว่า เผลอแบบไหน? ถึงหีปลิ้นแลบแบบนี้เนี่ย หรือ เคยโดนฝรั่งรุมมาหว่า?...

“ไม่หรอก....แค่นี้ก็สวยมากแล้วละ..” ผมเอ่ยตอบอย่างเอาใจเธอนิดๆ แต่ผมก็ใช่ว่าจะโกหกเธอนะ เพราะอย่างน้อยหีเธอก็สวยกว่า หีของตาล...และหลังจากที่ผมเอ่ยตอบ ผมก็ก้มหน้าอย่างเริ่มทำการเล้าโลมตรงนั้นของเธอ ด้วยชิวหาของผม..

และนั้นก็ทำให้เสียงครางของตาล ร้องครวญครางดังอย่างทันที...

“อะ....อ๊าาาาาาาาาาาา อ๊าาาาาาาาาาาา อ๊าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา..” เสียงครางของณัฐกานต์ที่เอ่ยร้เองครวญครางพร้อมกับช่วงล่างที่ขยับอย่างไปมาด้วยท่าทีที่สะท้านให้กับการกระทำของผม ที่ทำการละเลงลิ้นเข้าเลียรูหีของเธออย่างไปมานั้น...ซึ่งผมก็ทั้งเลียทั้งแหย่สอดลิ้นเข้าไปในรูหีของเธอ...แน่นอนว่านั้นก็เรียกทั้งเสียงครางและท่าทีที่สะท้านถึงทรวงของณัฐกานต์ออกมาได้อย่างเต็มที่เลยละ...

เธอที่ขยับกายอย่างไปมา ด้วยท่าทีที่เหมือนกำลังทรมานก็ไม่ป่าน.....

“กะ กาย...” เธอเอ่ยชื่อของผมด้วยน้ำเสียงที่บงบอกถึงความเสียว พร้อมกับขยับมือไม้เข้ากดยังศีรษะของผมให้แนบกับโหนกหีของเธอ...ซึ่งมันก็ทำให้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เธออยากให้ผมหยุด หรือ อยากให้ผมกระทำต่ออย่างไม่หยุดกันแน่

ก่อนที่การเล้าโลมดั่งกล่าวจะเรียกทั้งเสียงและความสุขได้จากเธอ 1 ครั้ง...ซึ่งหลังจากที่เธอส่งเสียงหวีดร้องด้วยความสุขสมนั้น ผมก็ค่อยๆขยับร่างอย่างยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับทำการปลดเปลื้อกางเกงที่สวมใส่อยู่ในขณะนี้ ใช่ ไม่ว่าตัวใน ตัวนอก ถอดออกจนหมด และนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ที่ชำเลืองมองอย่างหอบครางนั้นก็ต้องชะงักตาโต...

“ใหญ่จัง....ของนายนี่ พอๆกับพวกนิโกรเลยนะ..” ณัฐกานต์ที่เอ่ยอย่างรำพึงออกมา เมื่อเห็นอาวุธคู่กายที่แสนภาคภูมิของผม ซึ่งผมก็อมยิ้มให้กับคำพูดนั้นของเธอ จริงๆผมก็สงสัยถ้อยคำนั้นของเธอนะ ว่าเธอรู้ได้ไงว่า พวกนิโกร มีควยขนาดไหน รึว่า? พวกนิโกรเป็นคนทำให้หีเธอเป็นเช่นนี้หว่า...

ถึงผมจะสงสัยแต่ก็ ไม่ได้เอ่ยถามเธอแต่อย่างใด....ก่อนจะขยับตัวเข้าไปหาอย่างขึ้นคร่อมอย่างหมายเตรียมรุกเข้าใส่เธออย่างเต็มที่...โดยที่ท่าทีของณัฐกานต์นั้นก็ให้การต้อนรับการเข้าคร่อมร่างของเธออย่างโดยดี มือไม้ที่ขยับเข้าคล้องยังคอของผม...

“มะ ไม่ได้ เจอของใหญ่แบบนี้ นานแล้วด้วย ช่วยทำเบาๆหน่อยนะ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องขอที่ข้างหูของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ผมจะทำการเย็ดหีของเธอ ด้วยการสอดใส่ท่อนควยของผมเข้าไปในรูหีของเธอ ซึ่งทันทีที่สอดใส่เข้าไปนั้น เสียงร้องครางของณัฐกานต์ก็เอ่ยร้องขึ้นอย่างแทบทันที...

“อะ....อ๊าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา..”เสียงครางที่ดังลั่นของณัฐกานต์ เมื่อโดนผมสอดใส่ท่อนยควยเข้าไปกว่าครึ่งค่อนลำนั้น ซึ่งเธอก็ร้องด้วยสีหน้าที่เหยเกและแดงก่ำเอามากๆ...ขณะที่ทางผมเองก็สูดปากด้วยความเสียวที่ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเธอเลย เพราะภายในข้างในของเธอนั้น มันทั้งตอดทั้งรัดแบบแน่นมากๆ...

“อูยยยยยยยยยย...” ผมที่สูดปากพร้อมกับขยับโยกควยอย่างสาวออก ก่อนจะขยับกระทุ้งกลับเข้าไป อย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งก็ทำให้ครั้งนี้ควยของผมได้จมฝั่งเข้าไปในรูหีของณัฐกานต์อย่างแทบมิดด้าม แน่นอนว่าการกระทุ้งอย่างมิดลำนั้นก็ทำให้เธอสะท้านร้องครางลั่นยิ่งกว่าเมื่อกี้นี้เสียอีก....

“อ๊าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาา...” เสียงหวีดร้องของเธอที่เอ่ยร้องขึ้น ซึ่งผมก็ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกเหมือนณัฐกานต์จะเสร็จสม จากการโดนผมกระทุ้งควยในครั้งที่ 2 นี้ด้วย ร่างอรชรของเธอที่สั่นเทิ้ม และสวมกอดผมอย่างแนบแน่น...

ก่อนที่ผมจะแหงกเงยหน้า เพื่อจ้องมองดูยังใบหน้าของเธอในยามนี้ ซึ่งเธอก็ดันก้มหน้าจ้องมองใบหน้าของผมเช่นกัน และนั้นก็ทำให้ผมและเธอต่างค่อยๆทำการจูบปากกันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง แน่นอนว่า หลังจากการจูบดูดปากแลกลิ้นนั้น ผมก็เริ่มทำการซอยควยเย็ดหีของณัฐกานต์อีกครั้ง...

“อ๊าาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา...”ณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องครางระงมด้วยความเสียวจากการโดนผมขยับซอยควยเย็ดหีอย่างไปมา ซึ่งก็กระทุ้งรูหีของเธอทั้งช่วงสั้น ช่วงยาว สลับกันอย่างไปมา อย่างเมามันส์

“อ๊าาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา กะ กาย กาย...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องครางอยู่เนิ่นนานนั้น ก็เริ่มมีการร้องเรียกชื่อของผมอย่างซ้ำไปมาด้วยความเสียว และมือไม้ เรียวขาของเธอก็ต่าง ขยับเข้ากอดรัดร่างของผมอย่าแนบแน่น ขณะที่ทางผมนั้นก็ยังคงเดินหน้าตอกท่อนควยเย็ดใส่รูหีของเธออย่างไม่หยุด...

ใช่...ตอกกระหน่ำจนเรียกเสียงหวีดร้องของณัฐกานต์ได้อีก 1 ครั้ง...

“อืออออออ...กาย..” ณัฐกานต์ที่ร้องครางและเอ่ยเรียกผม อย่างจ้องมอง ด้วยท่าทีที่สุขสมและอ่อนล้า ซึ่งผมก็มองท่าทีดั่งกล่าวของเธอตอบ ก่อนจะทำการจูบปากของเธออีกครั้ง และหลังจากที่ทำการจูบปากเธอเสร็จ ผมก็ทำการเย็ดเธอต่ออีกครั้งในท่วงท่าอื่นต่อ....แน่นอนว่านั้นก็ทำให้ณัฐกานต์นั้นร้องครวญครางอย่างระงมขึ้นอีกครั้ง...

“อ๊าาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาา กาย...ณัฐเสียว ณัฐเสียววว...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยร้องครางด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ ขณะโดนผมจับเย็ดในท่ายกล้อ...ซึ่งในท่านี้นอกจากผมจะกระทุ้งกระแทกเย็ดหีอย่างเป็นจังหวะสั้น ยาว เหมือนดั่งเมื่อครู่แล้ว ในท่านี้ผมยังได้เพิ่มการกระทำมาอีก 1 อย่าง ซึ่งนั้นก็คือ การบดคลึงคว้านท่อนควยไปมา ภายในรูหีของเธอด้วย...ใช่ จะตอกใส่หี เธอราวๆ 10-15 ที และทำการบดคลึงพักหนึ่ง และค่อยซอยควยเย็ดหีเธอต่อ...

แต่การเย็ดในท่วงท่านั้น มันก็ยังไม่ถือว่าเป็นอะไรที่สุดๆหรอกนะ ถึงแม้ในท่วงท่านั้น จะทำให้ณัฐกานต์ หวีดร้องครางอย่างเสียวๆได้หลายรอบก็ตาม แต่นั้นก็ยังสู้ไม่ได้ในตอนที่เธอโดนผมจับเย็ดในท่าหมาเริงกาม ซึ่งในท่วงท่าดั่งกล่าวสำหรับผมนั้นก็มันส์มากๆพอดู ขยับควยกระทุ้งกระแทกเข้าใส่หีของเธอดัง ปึกๆๆ ป้าบๆ อย่างเมามันส์...แถมในท่าหมาเริงกามนั้น ผมก็ได้ขยำขยี้หน้าอกสวยๆทั้ง 2 ข้างของณัฐกานต์ด้วย...

และท่าที่สุดยอดจริงๆนั้น ก็หนีไม่พ้น ท่าที่ผมและเธอ ต่างกอดรัดกันและกัน และทำการเย็ด ในท่าทางที่นั่งอยู่บนเตียงนั้น..ซึ่งท่าดั่งกล่าวนั้นก็เป็นอะไรที่สุดยอดมากจริงๆ โยกควยใส่แต่ละทีก็แทบเข้าไปถึง ส่วนในสุดของเธอเลย ซึ่งแน่นอนว่านั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ ร้องครวญครางด้วยความเสียวสุขอย่างไม่ขาดปาก...

ก่อนที่ผมจะเสร็จสมในท่วงท่านี้ เสียงหวีดร้องของณัฐกานต์ที่ดังกึกก้องด้วยความเสียวสุข จาก น้ำควยร้อนๆ ที่ทำการปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ถึงแม้ผมจะเสร็จสม แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า การเย็ดกันในค่ำคืนนั้น จะจบลงแต่อย่างใด ใช่มันยังคงมีต่อ เพราะคืนนั้นผมเล่นณัฐกานต์ไปตั้ง 3 น้ำ....ส่วนผมรีดน้ำจากเธอได้กี่ครั้งนั้น ผมไม่ได้นับเหมือนกัน คิดว่ารีดไปเยอะอยู่..เพราะเธอหวีดร้องครางลั่นหลายครั้งมากๆ....

.

.

.

.

“ณัฐ....”ผมที่เอ่ยเรียกชื่อของเธอ หลังจากที่รู้สึกตัวในเช้าวันต่อมา...ซึ่งดูเหมือนเธอจะตื่นก่อนหน้าผม นานพอสมควร...

“ตื่นแล้วเหรอ?...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยเชิงถาม ซึ่งเธอก็ยืนอยู่ตรงประตูห้องและกำลังเดินเข้ามา ในสภาพสวมใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว ซึ่งถ้าเห็นไม่ผิดนั้นมันเสื้อเชิ้ตผมด้วย..ก่อนที่ผมจะเริ่มจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้...

“ณัฐ เรื่องเมื่อคืน ผม...” ผมที่เอ่ยกล่าวต่อ ด้วยท่าทีที่จับศีรษะของตัวเองอย่างมีการเวียนหัวปวดหัวเล็กน้อย ซึ่งไม่ทันที่จะเอ่ยจบ ณัฐกานต์ก็สวนมาทันที...

“ถ้าจะขอโทษละก็ ไม่ต้องเลย...อีกอย่างนายก็ไม่ผิดด้วยนี่ ถ้าผิด มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่แหละ...” เธอเอ่ยสวนกลับอย่างรู้ว่าผมต้องการเอ่ยอะไร ซึ่งทำให้ผมจ้องมองเธอ และเห็นสีหน้าของเธอระเรือแดงหน่อยๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยกล่าวต่อ..

“และก็ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อคืนนะยังอยู่ในช่วงปลอดภัย...” คำกล่าวถัดมา ถึงแม้เธอไม่เอ่ยให้ละเอียด ผมก็พอเข้าใจว่าเธอหมายถึงเรื่องไหน ถ้าไม่ใช่เรื่องท้องป่อง ท้องโต มันก็สุ่มเสี่ยงนะ หากเป็นระยะอันตรายของเธอนะ ก็โดนผมซัดน้ำใส่รูไปตั้ง 3 รอบนี่นะ...

“อะ อืมมมมม..” ผมตอบรับสั้นๆอย่างเข้าใจ...ขณะที่เธอลงที่เตียงข้างๆกับตัวของผม...

“ยังไงต้องขอบใจนายนะ ที่เป็นเพื่อนดื่มกับชั้นนะ..ถ้าอยู่คนเดียวละก็ป่านนี้ไม่รู้จะหายเศร้ารึยังก็ไม่รู้...” ณัฐกานต์เอ่ย ซึ่งผมก็เอ่ยตอบกลับทันที...

“ เศร้าเพราะไม่ได้ทิ้งเค้าก่อนเนี่ยนะ...” ผมเอ่ยตอบอย่างเชิงแซว...

“อืออออออ....นายนะไม่เข้าใจหรอก การโดนผู้ชายแบบนั้นทิ้ง ก่อนมันเหมือนเป็นอะไรที่เสียศักดิ์ศรีมากๆเลยนะ..”ณัฐกานต์เอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจริงๆนั้นแหละ ก่อนจะถามเธอ...

“แล้วเรื่องเมื่อคืน สำหรับเธอเหมือนเป็นการเสียศักดิ์ศรีด้วยรึเปล่า?..” ผมถาม ทั้งๆที่ งง อยู่ ว่านึกไงถึงเอ่ยถามออกไป...ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์ชะงักเล็กน้อยและอมยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบ...

“ไม่หรอก...สำหรับนายนะเป็นข้อยกเว้น ที่พิเศษสักหน่อย...” ณัฐกานต์เอ่ยตอบอย่างยิ้มๆ ซึ่งผมคิดไปเองรึเปล่า เหมือนกับท่าทีของเธอจะมีนัยยะบางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วย แต่ไม่ทันจะถามอะไรเธอต่อ...เธอก็เป็นฝ่ายผมขึ้นมา...

“ว่าแต่ เมื่อคืน นายคงไม่ได้แอบทำอะไรแบบนั้นใช่มัย?...” คำกล่าวเชิงถามของเธอที่ทำให้ผมสงสัยจนถามกลับ...

“แบบนั้นนะ แบบไหน...”

“ก็แบบ ถ่ายรูป ถ่ายคลิปเอาไว้ไง นายคงไม่ได้ทำแบบนั้น เพื่อจะบังคับชั้นให้มาเป็นของเล่นนายบ่อยๆหรอกนะ..” คำกล่าวตอบของเธอก็ทำให้ผมอึ้งชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับสงสัยว่า เธอเห็นผมเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย....

“ไม่มี...และไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นด้วย..” ผมเอ่ยตอบอย่างเกาหัว ซึ่งต่อให้ผมไม่ดื่มทานกับเธอจนหนัก ผมก็ไม่มีทางทำแบบที่เธอว่าแน่ๆ ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมกับมีท่าทีเหมือนเสียดาย ก่อนจะเอ่ยเชิงถามกับผม...

“แล้วอยากจะทำมัยละ? ถ้าอยาก...ชั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ยอมให้นายถ่ายภาพน่าอายของชั้นก็ได้นะ..” เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก สีหน้าระเรือแดง แถมทำท่าหมายจะปลดเปลื้องเสื้อออกทันที หากเพียงผมตอบว่า “ต้องการ”แน่นอนว่าถ้อยคำ และท่าที ของเธอ ก็ยิ่งทำให้ผมอึ้ง มึน หนักกว่าเดิม เพราะไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเจอ สาวที่ไหนจะ
ขะยันขะยอ ให้ฝ่ายถ่ายรูปแบล็คเมล์ตัวเองเลยนะ...

ใช่ครับ ทั้งมึนและไม่เข้าใจเธอจริงๆ แต่สุดท้ายผมก็บอกปัดเธอไป... หลังจากนั้น ผมก็พาเธอไปหาอะไรกิน ก่อนจะพาเธอยังที่ห้างที่เธอติดรถผมมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอเสียค่าจอดรถทิ้งไว้ทั้งคืนเท่าไร แต่เธอได้บอกกับผมว่า “ไม่ห่วง รวย มีเงินจ่าย..” และเมื่อส่งเธอเรียบร้อย ผมก็ตรงกลับไปที่บ้าน ไปพักผ่อน ไม่ได้ครุ่นคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด...

และก็กล้าสาบานด้วยว่า ไม่ได้ คิด หรือ หวังว่า ให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับณัฐเป็นอื่น...ใช่ ไม่ได้หวังและหวังว่าความสัมพันธ์ของผมกับเธอยังคงเป็นเหมือนที่ผ่านมา...แต่ก็มีตื่นเต้นเล็กน้อยในตอนวันจันทร์ที่ต้องทำงาน แต่ผมกลับต้องประหลาดใจ เมื่อวันนั้น ณัฐได้โทรมาขอหยุดงาน บอกว่าไม่สบาย...ใช่..ทำเอาผมแอบกังวล เป็นห่วงเธอนิดๆอยู่เหมือนกัน...

ก่อนที่เย็นวันนั้น ผมก็ได้ล่วงรู้เรื่องราวอีกอย่างของเธอ(ณัฐกานต์) เหตุผลว่า ทำไมใครๆถึงนอบน้อมเธอกันนัก....ใช่ ในเย็นวันนั้น ขณะที่ผมกำลังจะเปิดรถเพื่อขึ้นขับเพื่อกลับบ้าน อยู่ๆก็มีชายฉกรรจ์ 2 คนได้เดินเข้ามาประกบแล้วเอาของแข็งที่น่าจะเป็นปืนเข้ามาจ่อที่หลังของผม และได้ขอให้ผมตามพวกเขาไป...

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ทีแรกก็นึกว่าเป็นพวกโจร ยังคิดอยู่เลยว่า โจรสมัยนี้มันกล้าขนาดบุกมาปล้น ที่จอดรถสำนักงานแล้วเรอะ? พอพวกนั้นบอกให้ตามเค้าไป ผมก็ยิ่ง งง หนักกว่าเดิม....และแน่นอนว่า ผมก็ทำการล็อครถและตามพวกเขาไป ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นบนรถตู้และถูกเอาถุงกระสอบครอบที่หัวอีกต่างหาก อ้อ ใช่มือไม้ถูกใส่กุญแจมือด้วย...

และระหว่างทางที่ถูกพาตัวไปนั้น ผมก็ครุ่นคิดตลอดทางว่า เคยไปทำอะไรใครเค้าไว้บ้างนะ ซึ่งก็นึกไม่ออก เพราะปกติผมก็ไม่ใช่มีนิสัยนักเลง ที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่แล้ว ถ้าจะมีก็ มีแต่เรื่องที่เหมือนไปแอบตีท้ายครัวชาวบ้าน อย่าง การที่คบหากับตาลที่ เธอนั้นได้มีแฟนหนุ่มอยู่แล้วนั้นเอง...เพราะจากที่เคยได้ยินที่ คุณแว่น เพื่อนของตาลบอก หมอนั้นเป็นลูกผู้มีอิทธิพล...ฉะนั้น ความน่าจะเป็นที่สุดจึงน่าจะเป็นเรื่องนี้แหละ....

และนานพอควร ก่อนที่รถตู้ดั่งกล่าวจะจอดและผมก็ถูกพาตัวลงมาจากรถตู้ และโดนบังคับให้นั่ง ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งดึงกระสอบที่ครอบหัวผมไว้นั้นออก....และสิ่งแรกที่ผมเห็นคือ สถานที่ๆถูกนำตัวมานั้นเหมือนเป็นโกดังร้างแห่งหนึ่ง แถมที่นั้นก็มีชายฉกรรจ์กำยำ 5-6 คนยืนเรียงแถวอยู่ด้านหน้าด้วย...

“ไม่ต้องกลัวนะพี่ชาย พวกเราพี่ชายมาเพื่อจะสักถามอะไรหน่อย ขอความกรุณาพี่ชายช่วยตอบพวกเราดีๆด้วยนะ..”ชายฉกรรจ์ หน้าเหี้ยมคนหนึ่งที่เอ่ยกล่าวกับผม ซึ่งมันก็กรุณาให้เกียรติเรียกผมว่า “พี่” ทั้งๆที่หน้าตาอายุน่าจะ ราวๆ 40 กว่าๆไปแล้วแท้ๆ....

“ครับ..” ผมตอบรับอย่างสั้นๆ...

“เมื่อคืนวันศุกร์ พี่ชายอยู่กับคุณหนูของพวกเรามัย?..” ชายฉกรรจ์คนเดิม ถาม และนั้นทำให้ผมมีสีหน้าท่าทีสงสัย...
 
“เอะ เอ๋...คุณหนูเหรอ?..” ผมเอ่ยนทวน อย่าง งง และพอชายคนนั้นเห็นผมมีท่าทีแบบนั้น จึงหยิบบางอย่างออกมา...

“งั้นขอถามใหม่...พี่ชายอยู่กับผู้หญิงในภาพนี้รึเปล่า? ซึ่งเธอเป็นคุณหนูของพวกเรา..” ชายคนเดิมเอ่ยถามอย่างเปลี่ยนคำถามเล็กน้อยพร้อมกับให้ผมดูรูปที่เขาได้หยิบออกมา และผู้หญิงในรูปนั้นก็คือ ณัฐกานต์...

“ว่าไงละ...” ชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมคนเดิมถามย้ำ ขณะที่ผมก็อึ้งๆเมื่อเห็นภาพ....ก่อนที่จะตอบรับ..

“เออ ครับ..”

“แล้วทำอะไรกับคุณหนูของเรารึเปล่า?..”

“เออ เปล่าครับ ก็แค่นั่งดื่มทานเป็นเพื่อนเธอยันเช้าเท่านั้น..”ผมเอ่ยตอบกลับทันที อย่างไม่กล้าเอ่ยความจริงออกไป เพราะคิดว่า ถ้าเอ่ยออกไปมีหวังโดน 11 มม. ที่ชายคนนั้นถือที่มือขวาตลอดเวลานั้น เป่าที่ขมับแหงๆ...

“แน่ใจนะ...ว่าแค่นั้นจริงๆนะ เพราะถ้าพี่ชายโกหก แล้วพวกผมจับได้ละก็ พี่ชายได้ไปนอนเล่นอยู่ก้นทะเลในอ่าวไทยนะ..”คำกล่าวถัดมา ก็ทำให้ผมอึ้งและกลัว....พอควร ซึ่งในหัวของผมก็มึนตึบไปหมด ทีแรกนึกว่า เป็นพวกของแฟนของตาล แต่ไม่ใช่ ดันเป็น พวกของ ณัฐกานต์เหรอ?...เธอเป็น ลูกสาว ผู้มีอิทธิพลเหมือนกันเหรอ?...

และขณะที่ผมมึน งง อย่างไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อนั้น....อยู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงรถที่ทำการเบรกอย่างแรงดัง เอี๊ยดดดดดด และไม่กี่อึดใจ หลังจากเสียงนั้นเงียบหาย ก็มีใครบางคน เข้ามายังสถานที่ที่เหมือนโกดังร้างแห่งนี้...

“ชั้นบอกไปแล้วว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้โดนทำอะไร ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง ถึงกับเอาเพื่อนของชั้นมาสอบปากคำแบบนี้นะ..มันจะมากไปแล้วนะ..นายเจ๋ง...” หญิงสาวที่เดินเข้ามาเอ่ยต่อว่า ชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยม คนที่ถามผม ซึ่งเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น ณัฐกานต์นั้นเอง...

“เออ....แต่ที่ผมทำไปเพราะเป็นห่วงคุณหนูนะครับ..”

“เข้าใจว่าทำเพราะเป็นห่วงชั้น แต่ชั้นเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าถ้าชั้นไม่สั่งก็ไม่ต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวชั้นนะ..”

“แต่พวกผมกลัวว่า มันอาจจะมีเหตุการณ์เหมือนตอนคุณหนูอยู่เมืองนอกก็ได้นะครับ..”

“ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันชั้นไม่ได้ไร้เดียงสา ไม่ได้รู้อะไรเหมือนตอนนั้นแล้วอีกอย่าง ถ้าอยู่ในประเทศนี้ ส่วนใหญ่แค่เห็นนามสกุลชั้นเค้าก็หัวหดกันหมดแล้ว...และก็ชั้นได้ยินมาว่า นายส่งคนไปจัดการกับ เค้า...จะเจ้าคนที่เคยเป็นแฟนชั้นนี่จริงเปล่า?..” ณัฐกานต์กับชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมที่เอ่ยโต้ตอบอย่างไปมา ซึ่งท่าทางของชายฉกรรจ์คนนั้นก็แสดงท่าทีน้อบน้อมต่อเธอพอควร...

“เออ...ครับ คุณหนู ป่านนี้ หมอนั้น นอนอยู่ก้นอ่าวไทยแล้วครับ...” คำกล่าวตอบของชายคนนั้น ก็ทำให้ณัฐกานต์มีท่าทีกุมขมับ...ขณะที่ผมที่ได้ยินก็อึ้งอย่างเสียววาบ....ก่อนที่เธอจะหันขวับมาทางผมและส่งเสียงเชิงสั่ง..

“นี่...ยังไม่ปล่อยเค้าอีกเหรอ..” ณัฐกานต์หันมาทางผม และเอ่ย เมื่อเห็นว่า ผมยังคงถูกมัดอยู่เหมือนเดิม...และทันทีที่เธอเอ่ย ก็มีชายฉกรรจ์ 2 คน เดินเข้ามาปล่อยตัวผมอย่างทันที...

“จากนี้ไป พวกนายห้ามแตะคนๆนี้อีกเข้าใจมัย? ไม่สิ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของชั้นอีก... ถ้าชั้นไม่ได้สั่งอะไรเข้าใจมัย?...” ณัฐกานต์หันไปเอ่ยสั่งเหล่าชายฉกรรจ์ กลุ่มนั้น...ซึ่งพี่หน้าเหี้ยมหน้าโหด ที่รู้สึกว่า ชื่อ นายเจ๋ง จะพยักหน้า ซึ่งหลังจากนั้น ณัฐกานต์ก็เข้ามาจับมือและจูงผมออกไปจากสถานที่แห่งนี้...

“ว่าแต่นายยังไม่ถูก พวกนี้ทำทารุณอะไรใช่มัย?...” ณัฐกานต์ร้องถาม หลังจากที่พาผมออกมาจากสถานที่เหมือนโกดัง ซึ่งเธอก็ พาผมมายังที่รถของเธอ ซึ่งจอดอยู่ด้านนอกไม่ห่างจากตัวโกดังซะเท่าไร...

“อะ อืมมม....ยัง....เออ คนพวกนั้น ลูกน้องเธอเหรอ?..” ผมตอบ พร้อม ถามเธอกลับ..ซึ่งเธอก็หันมามองผมและเอ่ยตอบ

“ถ้าพูดให้ถูกลูกน้องพ่อชั้นนะ..” เธอตอบพร้อมกับกดรีโมทเปิดรถและเข้าไปในรถ...ซึ่งผมก็เปิดประตู และตามเธอเข้าไปนั่ง ที่นั่งข้างคนขับ...

“พ่อของเธอเหรอ? เออ...ณัฐ เป็นลูกสาว พวกเจ้าพ่อเหรอ?...” ผมที่เอ่ยถามต่อ ด้วยความสงสัย และนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์หันควับด้วยสีหน้าที่ดูตกใจสุดๆ ก่อนจะเอ่ยถามผม...

“อย่าบอกนะ ว่านายไม่รู้จักชื่อเสียงของ “XXXXX” นะ..” เธอเอ่ยตอบด้วยชื่อสกุลตัวเอง ด้วยท่าทีเหมือนอึ้งๆกับคำถามนี้ ซึ่งผมก็ทำให้เธออึ้งมากขึ้น เมื่อผมทำการตอบด้วยการส่ายหัว...

“แล้ว....ชื่อ พ่อเลี้ยงชาติ ละ? เคยได้ยินรึเปล่า?...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยถามต่อ...ซึ่งครั้งนี้ผมก็พยักหน้าตอบเธอ เพราะเคยได้ยินชื่อนี้ เป็น ผู้มีอิทธิพลคนดังทางแถบ จังหวัดนนทบุรี...และพอผมหยักหน้าเธอก็เอ่ยต่อ...

“นั้นพ่อชั้นเอง...” และนั้นก็ทำให้ผมอ้าปากหวอ...และตอนนี้แหละที่ทำให้ผม พอเข้าใจแล้วว่า ทำไม ที่ทำงานถึงนอบน้อมเธอกันนัก...

“ที่แท้ที่ นายทำตัวไม่เหมือนคนอื่น เพราะไม่รู้จัก ตระกูลชั้นนี่เอง...แต่ก็เป็นครั้งแรก นะ ที่เจอคนในนี้ แถมเป็นคนกรุงแล้วไม่รู้จักชื่อเสียงตระกูลชั้นนะเนี่ย..” ณัฐกานต์เอ่ยต่ออย่างถอนหายใจ...ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไป...

“เออ...คุณณัฐครับ ผมมีเรื่องถามคุณสักหน่อย..” ผมที่เอ่ยถามเธอขึ้น หลังจากที่เธอขับรถออกไปได้เล็กน้อย..แน่นอนว่าการพูดการจาของผมก็ถูกเธอแซวทันที...

“พอรู้ว่า ชั้นเป็นใคร คำพูดคำจาเปลี่ยนทันทีเลยนะ....ไม่ต้องทำมาดัดจริต เรียก คุณกับชั้นเลย สำหรับนายมันไม่ชินหู...”

“เหอๆๆ...แล้ววันนี้เป็นอะไรละถึงได้ไม่มาทำงาน..” ผมที่เอ่ยถาม อย่างยิ้มแห้งๆ ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอที่กำลังขับรถนั้น ตีหน้ายุ่งอย่างแก้มระเรือนิดๆ....

“เป็นไข้นิดหน่อยนะ ผลมาจาก โดนใครไม่รู้ เอาของใหญ่ มากระทุ้งใส่เมื่อวันศุกร์นะ..” คำกล่าวตอบของเธอที่เอ่ยอย่างหน้าระเรือนั้นก็ทำเอาผม พูดไม่ออกเลย เพราะใครที่ว่านั้นก็คือผมเอง...ก่อนที่ผมจะถามเธอต่อ..

“แล้วที่ลูกน้องพ่อเธอพูดเมื่อกี้นี้ นี่จริงเปล่า?...”

“เรื่องไหนละ?..” เธอตอบเชิงถาม...

“เรื่องที่เค้าจัดการกับ คนที่เคยเป็นแฟนเธอนั้นไง..” ผมตอบอย่างขยายความในคำถามเมื่อกี้ของผม ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอทำการจอดรถ เนื่องจากเป็นจังหวะไฟแดงพอดีด้วย และหันมามองหน้าผมและเอ่ยตอบ...

“ก็คงจริง...เพราะนายเจ๋ง ลูกน้องพ่อชั้นคนนี้ เป็นคนพูดจริง ทำจริงนะ....อีกอย่างไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้ากำจัดพวกที่ทำให้ชั้นร้องไห้ แต่ทำมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่จะรุนแรงในระดับไหนก็เท่านั้นเอง...มีอยู่ครั้งหนึ่งเล่นก่อเรื่องจนถูกสั่งห้ามเข้าที่อังกฤษเลยด้วย...” คำกล่าวตอบของเธอก็เล่นเอาผมกลัว ในตัวของผู้ชายที่เป็นลูกน้องของพ่อเธอคนนี้จริงๆ ถึงกับก่อเรื่องจนอังกฤษสั่งห้ามเข้านี่ ก่อเรื่องขนาดไหนเนี่ย....ระดับน้องๆก่อการร้ายรึเปล่า?..

“แล้วไม่นึกห้ามเค้ามังเหรอ?...” ผมเอ่ยถามต่อ เพราะคนที่ถูกกระทำครั้งนี้ ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธอเลยนะ...

“ถึงอยาก ก็คงไม่ทันแล้วละ ลองนายเจ๋งบอกว่า ลงไปนอนเล่นก้นอ่าว ป่านนี้ก็คงไปนอนเล่นจริงๆแล้ว และอีกอย่าง ชั้นเองก็นึกอยากจะสั่งเก็บเค้าเหมือนกัน เจ้าผู้ชายที่บังเอิญกล้ามาบอกเลิกคนอย่างชั้นก่อนแบบนี้นะ..” คำตอบของเธอที่ทำให้ผมแทบผวาจนอยากแต๋วแตกเลยละ...

“เออ....ถามอีกอย่าง ก่อนหน้านี้เคยคิดจะเก็บผมมังมัย?...” ผมกลั้นใจเอ่ยถาม เพราะ ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องราวนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับเธอเหมือนเป็นคู่กัดมีหลายคราที่โต้เถียงกันอย่างรุนแรง...

“นายนะเหรอ?...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยทวนอย่างชำเลืองมองผมอย่างยิ้มๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อ...

“ไม่เคยนะ แต่นายนะ โดนนายเจ๋ง เพ่งเล็ง กาหัวอยู่นะ เพราะชั้นไปบ่นเรื่องของนายให้หมอนั้นได้ยินมาก จนหมอนั้นถามชั้นหลายครั้งว่า ว่าจะให้ลงมือเก็บนายรึเปล่า?...ซึ่งถ้าชั้นตอบไป ว่า อยาก ป่านนี้ นายคงอาจจะถูกจับนั่งยาง ไม่ก็โดนถ่วงไปนอนก้นอ่าวเล่นแล้วละ...” ณัฐกานต์ที่เอ่ยตอบ ซึ่งคำตอบของเธอก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ก่อนที่เฮจะเอ่ยเชิงถามผม...

“แล้วนายอยากรู้มัยว่า ทำไมชั้นถึงไม่สั่งเก็บนายนะ..” เธอเอ่ยถาม พร้อมกับเว้นช่วงไปเล็กน้อยและทำการเอ่ยต่อ..

“เพราะว่านายมันน่าสนใจยังไงละ นานแล้วที่ไม่มีใครทำกับชั้น เหมือนเป็นคนปกติทั่วไป..ส่วนใหญ่พอเห็นสกุลชั้นก็มักจะทำตัวน้อบน้อมสุภาพจ้า จนมันอึดอัด ชั้นทำผิดก็ไม่มีใครกล้าค้าน มีแต่เออ ออ ตามน้ำกันทั้งนั้น มีแต่นายเนี่ยแหละที่กล้าขัดแบบไม่เกรงใจ แถมฝีมือการทำงานก็ดี จนไม่อยากเชื่อว่าจบจากสถาบันแบบนั้นมา...แต่มาถึงตอนนี้ ความสนใจนั้นก็ชักลดลงแล้วสิ พอรู้ว่าที่นายกล้าต่อปากกับชั้น เพราะไม่รู้ว่าชั้นเป็นใคร...” ณัฐกานต์เอ่ย ซึ่งช่วงท้ายเธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูผิดหวัง...

“ขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ทำให้เธอเข้าใจผิด...” ผมเอ่ยตอบอย่างนึกเห็นใจเธอ ที่เธอหลงคิดว่า ผมเป็นคนกล้าหาญ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ถ้าผมรู้ว่าเธอเป็นลูกใคร ผมก็คงทำเหมือนกับทุกคนแหละ เพราะผมมันคนธรรมดา...และเพื่อนๆก็รู้ว่า สยามเมืองยิ้มเรา เป็นยังไงใช่มัยละครับ...ถ้าคนธรรมดา มีเรื่องกับ คนที่มีอิทธิพลนะ...

“แต่ชั้นหวังว่า หลังจากที่นายรู้ว่าชั้นเป็นใคร นายจะยังทำตัวเป็นปกติเหมือนที่ผ่านมาอยู่นะ..”

“ถ้าเธอรับปากว่า ถ้าทำแล้วจะไม่ถูก จับถ่วงน้ำ ก็ยังทำตัวเหมือนที่ผ่านมาได้อยู่...” ผมตอบ ซึ่งนั้นก็ทำให้ณัฐกานต์หัวเราะ....

“หึๆๆ นายนี่ขี้กลัวกว่าที่คิดนะเนี่ย...ถ้าเรื่องนั้นชั้นรับปาก....” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และสิ่งสุดท้ายที่เธอเอ่ยกับผม เมื่อได้ขับรถมาส่งผมยังตึกที่ทำงาน เพื่อให้ผมไปเอารถที่จอดทิ้งไว้...ซึ่งกว่าไปถึงก็หัวค่ำนิดๆแล้ว...

“นี่....นายคงไม่ว่าอะไรใช่มัย ถ้าหลังจากนี้ อาจจะมีบางครั้งที่ ชั้นจะชวนนายเป็นเพื่อนไปไหนต่อไหนบ้างนะ..”

“อืมมมม ถ้าไปแล้ว ไม่โดนจับตัวมาสอบปากคำแบบนี้อีก ก็จะไปเป็นเพื่อนได้ทุกเมื่อนะ..” ผมตอบ คำกล่าวเชิงขอของเธออย่างไม่คิดอะไร โดยที่ผมนั้นก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนสาวคนสวยทำงาน รายนี้ ได้เริ่มมีการแปลงเปลี่ยนไปอย่างเล็กน้อยแล้ว....ใช่ นาทีนั้น ผมไม่รู้จริงๆ กว่าจะรู้ก็หลังจากนั้น อีกพักใหญ่เลยละ.... 









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น