หลังจากที่ผมใช้มุขแกล้งเนียนว่าจะหาสาวมาให้กับพ่อ จนโดน รวันดาแฟนผม ค้อนใส่....มันก็ทำให้ผมรู้ว่า ปัญหาของผมนั้นมันหยั่งรากลึก จนแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว หากต้องการที่จะแก้ไขมันจริงๆละก็ ผมต้องพร้อมที่จะต้องสูญเสียคนที่ผมรักไปสักคน หรือ บางทีก็อาจจะเสียไปทั้ง 2 คนเลยก็ได้...แน่นอนว่าผมไม่ต้องการหนทางเช่นนั้น...
ผมจึงเลือกหนทางที่เรียกว่าโง่ที่สุดนั้นก็คือ
การทำเป็นตาบอดไม่รับรู้อะไร ราวกับว่าไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น
เพราะถ้าผมทำแบบนี้แล้ว ผมก็ยังได้อยู่กับพวกเขา คนที่ผมรักที่สุดก็ยังอยู่กับผมดั่งเดิม และแน่นอนว่า ผมรู้อยู่เต็มอกละว่า “นี่มันไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหา แต่มันเป็นการหนีปัญหา..” เป็นการหลอกตัวเอง แต่จะให้ทำไงได้..ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมรับไม่ได้แน่ หากจะต้องสูญเสียใครไปสักคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อผม หรือ รวันดา แฟนผมก็ตาม...
หากจะต้องเลือก ผมขอเลือกที่ทำร้ายตัวเองจะดีกว่า ใช่ นั้นละ คือ ทางออกที่ดีที่สุด สำหรับผม ในเวลานั้น…..
หากจะต้องเลือก ผมขอเลือกที่ทำร้ายตัวเองจะดีกว่า ใช่ นั้นละ คือ ทางออกที่ดีที่สุด สำหรับผม ในเวลานั้น…..
แต่หนทางดั่งกล่าวที่ผมเลือก
ก็ใช่ว่าจะเป็นหนทางที่ทำได้ง่ายๆ ใช่
มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนดั่งที่ผมคิดไว้สักนิด ยอมรับว่าตอนคิดผมคิดง่ายไป
คิดแค่ว่า ถ้าปิดกั้น หลอกตัวเองไปวันๆ ว่า มันไม่เคยมีเรื่องบัดซบดั่งกล่าวเกิดขึ้นในบ้านของผม ทุกอย่าง ทุกวิถีชีวิตของผมก็ยังคงดำเนินไปได้ ดั่งปกติ...
ใช่...ครับผมคิดผิด
เพราะอะไรนะเหรอครับ ถึงแม้ผมจะทำเช่นนั้น แต่ทุกครั้งที่คุยกับ รวันดา
แฟนสาวของผมนั้น ภาพตอนที่เธอมีอะไรกับพ่อผมนั้นมันก็แวบลอยขึ้นมาแทบทุกครั้ง
จนทำให้ผมไม่สามารถที่จะแกล้งลืม เรื่องราวอันบัดซบนี่ไปได้เลย
ใช่มันทำให้ผมรู้ว่า หนทางที่ผมเลือกนั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ.....
ถ้าจะให้วิธีดั่งกล่าวได้ผล คือ ผมจะต้องไม่อยู่ที่บ้าน จะอยู่ที่ไหนก็ได้ จะที่ทำงาน ห้าง ตลาด มันถึงค่อยทำให้ผมลืมเรื่องราวอันบัดซบนี้ได้ แน่นอนละ ว่า มันก็ดีขึ้นแค่ชั่วคราว เพราะเมื่อกลับบ้านไป เจอแฟนผม พ่อผม สิ่งเหล่านั้นก็กลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง..จนมันได้กลายเป็นความอึดอัดและทรมานที่ยากจะอธิบายที่สุด...
จนสุดท้ายมันก็ทำให้ผมอยากหนีไปให้ไกลจากที่บ้าน
และทำให้ผมคิดที่จะขอกลับไปใต้ แต่กลับไม่ได้รับการอนุมัติซะงั้น ซึ่งวันที่ได้รับคำตอบจากผู้เป็นนาย บังเอิญนายทหารรุ่นพี่คนหนึ่งก็ชวนไปดื่ม
ผมจึงนั่งดื่มนั่งพูดจาประหนึ่งเหมือนปรับทุกข์ แต่ก็มิได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ก็แค่บอกว่าอยากกลับไปใต้เท่านั้น...
“จะขอกลับไปที่ใต้เหรอ? เฮ้ย พูดจริงอะ...แกเพิ่งจะหายดีไม่ใช่เรอะ ไอ้ชาย...” ถ้อยคำที่เอ่ยด้วยความแปลกใจและตกใจของนายทหารรุ่นพี่ที่ผมมาขอคำปรึกษา...
“ครับพี่ ผมเพิ่งหาย แต่ผม มีความจำเป็นที่อยากจะกลับไปที่ใต้นะครับ....”
“อ้อออ...เบี้ยเลี้ยงส่วนกลางมันน้อยสินะ มันไม่มีเบี้ยเลี้ยงปลีกย่อยเยอะแยะเหมือน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้สินะ...ปัญหาของคนมีครอบครัวก็อย่างงี้แหละ..” นายทหารรุ่นพี่ที่เอ่ยแทนอย่างนึกเข้าใจว่า ผมเดือดร้อนเรื่องเงิน ซึ่งมันไม่ใช่ แต่การให้เขาทึกทักเข้าใจแบบนั้น ก็ดีเหมือนกัน...
“แล้วหัวหน้าเขาว่าไงละ คงไม่อนุมัติสิท่า ถึงมาพูดกับพี่แบบนี้..”นายทหารรุ่นพี่คนนั้นเอ่ยต่อ...
“ครับพี่ เขาไม่อนุมัติครับ..”
“ก็นะ เพิ่งจะหายดีไม่กี่เดือน...ขืนส่งกลับไป...แล้วเกิดแกซวย โดนพวกผู้ก่อการร้ายยิงจนเดี้ยง หรือตายห่า กลับมา คนที่ซวยคือ หัวหน้าแกที่ส่งแกกลับไป ถึงจะเป็นความต้องการของแกก็เถอะ..” นายทหารรุ่นพี่เอ่ย โดยที่ถ้อยคำของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหัวหน้าหน่วยของผมเลย...
โดยที่ผมก็เข้าใจเหตุผล ที่ไม่มีใครกล้าอนุมัติ ไม่ใช่เพราะผมเพิ่งหายดี จริงๆการขอไปใต้ เป็นเรื่องที่ หน่วยเหนือควรดีใจด้วยซ้ำ เพียงแต่ที่ไม่อนุมัติ เพราะเขากลัวพวกสื่อมวลชน ต่างหาก ก็อย่างที่รุ่นพี่ผมอธิบายไป เกิดผมกลับไป เดือน 2 เดือน แล้วโดนพวกโจรใต้สอยนอนพะงาบๆกลับมาละก็...ได้โดนพวกสื่อ และ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องก็พาด่าหน่วยงานต้นสังกัดยับแน่ หาว่า ส่งคนที่เคยรอดกลับไปตายใหม่ เหี้ยมอำมหิต บลาๆ และคนซวย คือหัวหน้า คนที่เซ็นอนุมัติให้ผมกลับไปนั้นแหละ...
“เอางี้ พี่มีคนรู้จักอยู่ที่ค่ายxxx ถึงแม้จะไม่ใช่ 3 ชายแดน แต่ไปอยู่ที่นั้นเบี้ยเลี้ยงก็น่า จะได้เพิ่มจากที่นี้ พอควร...” นายทหารรุ่นพี่เอ่ยขึ้นอย่างเสนอทางออกให้กับผม ซึ่งผมก็ขอบคุณพี่เค้ามากๆ...และผมก็หวังว่า มันคงจะสำเร็จนะ เพราะถ้ามันสำเร็จ ผมจะได้ออกไปจากความทรมานนี่เสียที.....
“จะขอกลับไปที่ใต้เหรอ? เฮ้ย พูดจริงอะ...แกเพิ่งจะหายดีไม่ใช่เรอะ ไอ้ชาย...” ถ้อยคำที่เอ่ยด้วยความแปลกใจและตกใจของนายทหารรุ่นพี่ที่ผมมาขอคำปรึกษา...
“ครับพี่ ผมเพิ่งหาย แต่ผม มีความจำเป็นที่อยากจะกลับไปที่ใต้นะครับ....”
“อ้อออ...เบี้ยเลี้ยงส่วนกลางมันน้อยสินะ มันไม่มีเบี้ยเลี้ยงปลีกย่อยเยอะแยะเหมือน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้สินะ...ปัญหาของคนมีครอบครัวก็อย่างงี้แหละ..” นายทหารรุ่นพี่ที่เอ่ยแทนอย่างนึกเข้าใจว่า ผมเดือดร้อนเรื่องเงิน ซึ่งมันไม่ใช่ แต่การให้เขาทึกทักเข้าใจแบบนั้น ก็ดีเหมือนกัน...
“แล้วหัวหน้าเขาว่าไงละ คงไม่อนุมัติสิท่า ถึงมาพูดกับพี่แบบนี้..”นายทหารรุ่นพี่คนนั้นเอ่ยต่อ...
“ครับพี่ เขาไม่อนุมัติครับ..”
“ก็นะ เพิ่งจะหายดีไม่กี่เดือน...ขืนส่งกลับไป...แล้วเกิดแกซวย โดนพวกผู้ก่อการร้ายยิงจนเดี้ยง หรือตายห่า กลับมา คนที่ซวยคือ หัวหน้าแกที่ส่งแกกลับไป ถึงจะเป็นความต้องการของแกก็เถอะ..” นายทหารรุ่นพี่เอ่ย โดยที่ถ้อยคำของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหัวหน้าหน่วยของผมเลย...
โดยที่ผมก็เข้าใจเหตุผล ที่ไม่มีใครกล้าอนุมัติ ไม่ใช่เพราะผมเพิ่งหายดี จริงๆการขอไปใต้ เป็นเรื่องที่ หน่วยเหนือควรดีใจด้วยซ้ำ เพียงแต่ที่ไม่อนุมัติ เพราะเขากลัวพวกสื่อมวลชน ต่างหาก ก็อย่างที่รุ่นพี่ผมอธิบายไป เกิดผมกลับไป เดือน 2 เดือน แล้วโดนพวกโจรใต้สอยนอนพะงาบๆกลับมาละก็...ได้โดนพวกสื่อ และ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องก็พาด่าหน่วยงานต้นสังกัดยับแน่ หาว่า ส่งคนที่เคยรอดกลับไปตายใหม่ เหี้ยมอำมหิต บลาๆ และคนซวย คือหัวหน้า คนที่เซ็นอนุมัติให้ผมกลับไปนั้นแหละ...
“เอางี้ พี่มีคนรู้จักอยู่ที่ค่ายxxx ถึงแม้จะไม่ใช่ 3 ชายแดน แต่ไปอยู่ที่นั้นเบี้ยเลี้ยงก็น่า จะได้เพิ่มจากที่นี้ พอควร...” นายทหารรุ่นพี่เอ่ยขึ้นอย่างเสนอทางออกให้กับผม ซึ่งผมก็ขอบคุณพี่เค้ามากๆ...และผมก็หวังว่า มันคงจะสำเร็จนะ เพราะถ้ามันสำเร็จ ผมจะได้ออกไปจากความทรมานนี่เสียที.....
แต่มาคิดดูแล้ว
มันก็ออกเป็นเรื่องที่ตลกร้ายสำหรับผมมากๆ... ก็ก่อนหน้านี้ ทุกๆวันตลอดเวลาที่ประจำการอยู่ที่ภาคใต้...ผมร่ำร้องที่อยากย้ายกลับไปส่วนกลาง แต่เพราะไม่มีเส้นสายที่ใหญ่โตอะไร...จึงจำต้องทน นั่งนับวันที่จะครบวาระ.. พอมาตอนนี้ที่ผมได้กลับมาส่วนกลาง ผมก็ดันอยากกลับไปอยู่ที่อื่นซะนี่...
มันน่าหัวเราะทั้งน้ำตาจริงมัยครับ
แต่มันก็ดีแล้วละเพราะขืนอยู่ต่อไป ผมคงอึดอัดและเป็นบ้าตายก่อนแน่ๆ....และไม่รู้ว่า ผมคิดไปเองมัย? แต่หลังจากที่ผมรู้ความจริง
ผมก็ยิ่งเหมือนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแปลกหน้าในครอบครัวนี้ไปแล้ว
เหมือนเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็นก็ไม่รู้....รวมถึง ความรัก ความห่วงใยที่เคยมีให้
ก็เหมือนกับว่ามันค่อยๆลดหายลงไปทุกทีๆ....
ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง
ก็อย่างการไปขอดื่มทานเหล้ากับเพื่อนๆ ถึงแม้รวันดา แฟนผม จะยังคงมีการเอ่ยอย่างเป็นห่วงผม เหมือนดั่งปกติอย่าง “ระวังตัวด้วยนะ”
// “อย่ากลับดึกมากนักละ..” แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความเป็นห่วงจริงๆจากคำพูดนั้นเลย...จนกระทั้งครั้งหนึ่งที่ผมเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม
จึงนัดกันดื่มทาน และอาจจะมีการกลับดึกมาก...
แน่นอนว่ารวันดาก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงผมทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เธอกลับทำท่าทีที่เหมือนดีใจแปลกๆ ใช่..ท่าทีนั้นมันทำให้ผมรู้สึกสงสัย
และ ไม่สบายใจเอามากๆเลย...ชนิดที่การได้ไปเจอ หรือการดื่มทานกับเพื่อนเก่านั้น
มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขแม้แต่น้อย…และด้วยความคับข้องใจนั้นเองทำให้ผมต้องขอเพื่อนๆกลับบ้านก่อน...
โดยที่ผมหวังไว้ว่า ‘มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดไว้’ และเมื่อไปถึงบ้าน
ผมก็ได้ค่อยๆลอบเข้าไปอย่างเงียบที่สุด
และเมื่อเข้าไปจนถึงตรงบันไดที่ขึ้นไปถึงชั้น 2
นั้นผมก็ได้ยินเสียงครวญครางของรวันดาแฟนผม
และแค่นั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเสียใจไม่น้อย ยิ่งพอขึ้นไปยังชั้น 2
ไปยังที่ห้องของพ่อผม และค่อยๆเปิดประตูแง้มๆเพื่อแอบดู
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิด...
รวันดา แฟนผม กำลังเย่อกับพ่อของผม
แถมกำลังเย่ออย่างเมามันสุดๆเลยด้วย...
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อาาาาาาาาาาาาาาาาาา..” เธอที่เอ่ยร้องครวญครางอย่างเสียงดัง
ขณะกำลังถูกพ่อผมจับแข้งขาทั้ง 2 อย่างถ่างอ้าซ่า
และทำการกระทุ้งเย็ดรูหีด้วยความหนักหน่วงอย่างเต็มเหนี่ยวไม่ยั้ง..แต่ละดอกที่พ่อผมขยับควยตอกใส่ไปนั้นก็ทำเอาเตียงดังกล่าวสั่นไหวส่งเสียงเอียดอาดๆเลยทีเดียว....
“อย่างงี้ถึงใจดีมัยจ๊ะหนูดา...ถึงใจดีมัย...”
พ่อผมที่ร้องถาม ขณะกระทุ้งกระแทกรูรักของแฟนสาวผม ในท่าดั่งกล่าวอย่างไม่หยุด
ซึ่ง รวันดา แฟนสาวผมที่หน้าแดงก่ำอย่างเหยเกด้วยความเสียวนั้น ก็ร้องตอบ...
“อื้อออออออ มากกก มากกเลยค่ะ
พี่ชาติขา...” เธอตอบอย่างลากเสียงที่บงบอกถึงความเสียวสุขไม่น้อย
ก่อนที่เธอจะสะดุ้งสะท้านอย่างแหงกเงยหน้าและส่งเสียงร้องครางดังให้กับการกระทุ้งกระแทกของพ่อผมที่ทวีความหนักหน่วงมากขึ้น...
“อาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อาาาาาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาาาาาา..”
รวันดาที่เอ่ยร้องครางระงมอย่างดังขึ้นเรื่อยๆด้วยความเสียวซ่านจากท่อนเอ็นของพ่อผม
โดยที่ทางพ่อผมนั้นก็เดินหน้าอัดหีของเธออย่างเต็มสูบด้วยความหนักหน่วง...
และไม่กี่อึดใจ
แกก็ส่งเสียงสบคำรามอย่างดังขึ้น
พร้อมกับหวนท่อนเอ็นอัดใส่รูรักของรวันดาเป็นครั้งสุดท้าย....
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา
าาาาาาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาาาาาา..”
ระวันดาแฟนผมที่ส่งเสียงหวีดร้องครางยาว
ชนิดแทบจะไล่ๆกับเสียงสบคำรามเมื่อกี้ของพ่อผมเลย
ขณะที่ทางพ่อผมก็มีท่าทีที่เกร็งกายสุดๆ ก่อนที่จะขยับร่างเหมือนจะเข้าฟุบกอดทับร่างของรวันดาด้วยความอ่อนล้า...
“อื้อออออ...แตกข้างในอีกแล้วนะค่ะ..พี่ชาติ..”
รวันดา แฟนสาวของผมที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
ซึ่งถ้อยคำของเธอเหมือนถามเชิงเอาเรื่อง
แต่สีหน้าของเธอนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความสุขมากกว่าจะโกรธหรืออะไรแบบนั้น...
“อื้อออออ แล้วไม่ชอบรึไงจ๊ะหนูดา...”
พ่อผมที่เอ่ยตอบอย่างเชิงถามและจ้องมองหน้าเธออย่างยิ้มๆ
ซึ่งถ้อยคำของพ่อผมก็ทำให้สีหน้าของรวันดาที่ระเรือแดงนั้นก็ค่อยๆมีสีเข้มขึ้นกับคำถามดั่งกล่าว
ก่อนที่เฮจะเอ่ยตอบเชิงยอมรับ...
“ก็ชอบค่ะ...แต่ไม่คิดว่า
แค่ไม่ได้เย็ดกันอาทิตย์เดียว พี่ชาติจะมีน้ำควยเยอะแยะแบบนี้..” รวันดา
แฟนสาวผมตอบถ้อยคำของพ่อผมด้วยสีหน้าที่ดูเขินอายอย่างน่ารักมากๆ
ซึ่งพ่อผมก็อมยิ้มและขยับใบหน้าเข้ามาจูบปากของเธอ...และเธอก็ยินยอมที่ให้พ่อผมจูบปากอย่างโดยดีด้วย...
ขณะที่ทางผมเองก็อึ้งให้กับถ้อยคำดั่งกล่าวมากๆ
“ไม่ได้เย็ดกันอาทิตย์เดียวเหรอ?”
แสดงว่ามีการเย็ดกันอาทิตย์ก่อนหน้านั้นแล้วมันวันไหนละ ผมคิดอย่างสงสัย
เพราะตั้งแต่รู้เรื่องของเธอ ผมก็ไม่ได้โดนเธอวางยาอีกเลย
เรียกว่าไม่มีพลาดที่จะโดนเธอวางยาแล้ว ก่อนที่ผมจะนึกได้ว่า อาทิตย์ที่เธอว่า
นั้นมันมีอยู่วันที่ผมขอไปดื่มทานกับเพื่อนๆแบบวันนี้...
ใช่...พอนึกออกมันทำให้ผมถึงกับอึ้ง
จนจุกแบบพูดไม่ออก ถึงความร้ายกาจของ รวันดา ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ที่เอ่ยพูดอย่างเป็นห่วงผม ในการที่ผมออกไปดื่มทานกับเพื่อนฝูง แต่เธอไม่เคยห้าม ที่ไม่ห้ามเพราะมันคือห้วงเวลาที่เธอจะได้มีความสุขกับพ่อของผม!!
ตรงนี้ผมไม่รู้ว่าพวกเธอเปลี่ยนเวลาการมีอะไรกันตั้งแต่เมื่อไร...จากค่ำคืนปกติ
กลายเป็น เฉพาะวันที่ผมไปดื่มทานอย่างงั้นเหรอ? แต่มานึกๆดูในช่วงระยะนี้
ในคืนวันธรรมดา รวันดาก็ไม่ได้ทำตัวมีพิรุธ ที่บงบอกว่า
คืนนี้จะมีอะไรกับพ่อผมด้วยสิ..
และ มันมีความเป็นไปได้ที่พวกเธอ
เปลี่ยนเวลาเย็ดกันแน่ๆๆ....
“นี่เรายังมีเวลาอีกแค่ไหนเนี่ย...”
พ่อผมที่เอ่ยถาม แก่รวันดา หลังจากที่ทำการจูบปากของเธอดัง จ๊วบๆ อยู่ครู่หนึ่ง
ซึ่งตอนที่ถามนั้นก็ทำให้รวันดาหันไปมองนาฬิกา
ซึ่งผมก็หลบตั้งแต่ได้ยินพ่อผมถามแล้ว เพราะนาฬิกาในห้องพ่อผมนั้นติดอยู่ที่ผนั่งแนวเดียวกับที่ประตู....
“ถ้าตามปกติ พี่ชายเค้าจะกลับมา ตี2
ค่ะ นี่เพิ่งจะ 5 ทุ่มเอง...” เสียงของรวันดาแฟนสาวของผมที่เอ่ยตอบ
ก่อนจะได้ยินเสียงของพ่อผมที่แสดงถึงความดีใจไม่น้อย...
“โอวว เหลือเวลาอีก ตั้ง 3 ชั่วโมง
งั้นขอพ่อจัดเต็มๆอีกสัก 2 ดอกละกันนะ..” เสียงของสมชาติ พ่อผมที่เอ่ยอย่างดีใจ
ก่อนที่ผมจะต้องจี๊ดให้กับคำพูดของ รวันดา แฟนผม...
“พี่ชาติละก็...แค่ 2 เองเหรอค่ะ
ดากะจะให้อีก 3 เลยนะ..” คำกล่าวตอบหยอกล้อของแฟนสาวผม
ที่มันทำให้ผมที่แอบฟังนั้นต้องยิ่งปวดใจ แน่นอนว่า หลังถ้อยคำนั้น
ผมก็กลับลงไปและออกจากบ้าน และได้ลองใจด้วยการโทรเข้ามาที่บ้าน บอกว่า ‘คืนนี้ไม่กลับ
เพราะเจอเพื่อนเก่าเลยจะคุยกันยาว...’
รู้มัยครับว่า รวันดา แฟนผมตอบว่าไง... ‘อะ อื้ออออ งั้นดาไม่เปิดไฟรอคุณนะค่ะ..’ เป็นคำตอบง่ายๆที่ไม่ได้มีความหึงหวง หรือ มีคำถามต่อเลยว่า เพื่อนที่ว่า ใคร ที่ไหน ผู้ชาย ผู้หญิง แถมน้ำเสียงเธอดูดีใจมากด้วยซ้ำเมื่อได้ยินว่า คืนนี้ผมไม่กลับบ้านเนี่ย...แน่นอนว่าผมปวดใจมาก และคืนนั้นผมก็ไปหาที่นอนที่อื่น ไม่คิดที่จะนั่งแอบดูให้ปวดใจแต่อย่างใด...
รู้มัยครับว่า รวันดา แฟนผมตอบว่าไง... ‘อะ อื้ออออ งั้นดาไม่เปิดไฟรอคุณนะค่ะ..’ เป็นคำตอบง่ายๆที่ไม่ได้มีความหึงหวง หรือ มีคำถามต่อเลยว่า เพื่อนที่ว่า ใคร ที่ไหน ผู้ชาย ผู้หญิง แถมน้ำเสียงเธอดูดีใจมากด้วยซ้ำเมื่อได้ยินว่า คืนนี้ผมไม่กลับบ้านเนี่ย...แน่นอนว่าผมปวดใจมาก และคืนนั้นผมก็ไปหาที่นอนที่อื่น ไม่คิดที่จะนั่งแอบดูให้ปวดใจแต่อย่างใด...
แน่นอนว่า หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้หาคำตอบ
ว่า จริงมัยที่ รวันดา แฟนผม กับพ่อ มีอะไรกันทุกครั้งที่ ผมไปดื่มทานกับเพื่อน
ใช่ ไม่หา หรือ ไม่คิดจะหาคำตอบเลยด้วย เพราะถึงหาไป ก็ไม่ได้อะไร
เจ็บปวดใจไปเปล่าๆ ก็ได้แต่สันนิฐานว่า เธอกับพ่อผม ได้เปลี่ยนเวลาการมีอะไรกัน
ตามที่ผมว่าไว้ข้างต้นแล้ว...
และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองอีกหรือไม่... แต่ผมมีความรู้สึกว่า ยิ่งนานวัน ความสัมพันธ์ของพ่อและแฟนผมก็เหมือนยิ่งสนิท ยิ่งร้อนแรงอย่างไม่ค่อยเกรงใจ หรือ สนใจผมเสียเท่าไร....ซึ่งตรงนี้ก็ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองอีกด้วยหรือเปล่า?
ในขณะที่ผมรอคอยความหวัง ข่าวดีจากนายทหารรุ่นพี่ ที่รับปากจะช่วยเหลือผมนั้น
ใช่...นั้นเรียกว่าเป็นความหวังสุดท้ายของผมเลยก็ว่าได้ ในเวลานั้น แต่ทว่า
มันกลับมีข่าวดี ข่าวอื่นมาแทน ซึ่งข่าวดั่งกล่าว หากเป็นครอบครัวทั่วไป
ที่ปกติไม่มีปัญหา มัยถือว่าเป็นข่าวดี ข่าวใหญ่มากๆๆ...แต่สำหรับผม มันเหมือนเป็นข่าวร้าย
และเป็นข่าวที่ทำให้
ภาพลวงตาที่ผมพยายามสร้างมันขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองนั้นถึงกับแตกพังยับในพริบตา...
เมื่อรวันดา แฟนสาวผม
ได้เข้ามาบอกผมด้วยท่าทีดีใจสุดๆว่า...
“พี่ชายค่ะ ดาท้องแล้วค่ะ...”
เธอวิ่งมาบอกผม ทันทีที่ผมกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับโชว์ผลตรวจปัสสาวะที่มันปรากฏ 2
ขีดให้ผมได้ดู ใช่ ณ วินาทีนั้น
มันทำให้ผมเกือบล้มทั้งยืนราวกับถูกหมัดเด็ดเลยก็ว่าได้..เพราะถ้าให้ผมพูดตรงๆ
ผมไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจว่า ท้องของรวันดา นั้นเป็นลูกใคร เป็น ลูกของผม หรือ ลูกของพ่อผม ที่มีศักดิ์เป็น น้องผมกันแน่..
“ยะ เยี่ยมมากเลยละ...เป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายเดือนนี้เลย..” ผมตอบอย่างฝืนยิ้มให้กับเธอ อย่างพยายามไม่ให้เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทั้งๆที่ในใจของผมนั้นกำลังร่ำไห้ โศกเศร้ามากๆ...ซึ่งทางรวันดานั้น ก็ไม่เคยรู้ หรือ สังเกตเห็นถึงความผิดปกติผมแต่อย่างใด...
“ยะ เยี่ยมมากเลยละ...เป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายเดือนนี้เลย..” ผมตอบอย่างฝืนยิ้มให้กับเธอ อย่างพยายามไม่ให้เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทั้งๆที่ในใจของผมนั้นกำลังร่ำไห้ โศกเศร้ามากๆ...ซึ่งทางรวันดานั้น ก็ไม่เคยรู้ หรือ สังเกตเห็นถึงความผิดปกติผมแต่อย่างใด...
หากแต่ยังทำตัวเหมือนหญิงสาวที่กำลังมีลูกทั่วไป ที่เริ่มคิดล่วงหน้าไปไกลว่า ลูกของเราจะเป็นเพศอะไร // จะตั้งชื่อลูกว่าอะไร..ซึ่งท่าทีของเธอก็ช่างต่างจากผมเอามากๆ
เพราะหลังจากที่ได้ยินข่าวนั้น อาการของผมก็หนักขึ้นทันที
ชนิดที่จะสติแตกและคลุ้มคลั่งได้ทุกเมื่อ...
ใช่...จิตใจของผมถึงขีดสุดที่จะทนรับต่อเรื่องบัดซบนี่แล้ว...ทั้งโกรธ
ทั้งสับสน โทษเรื่องราวดั่งกล่าวให้กับใครหลายคน ทั้งกับ พ่อ
ทั้งกับรวันดา...หรือแม้แต่ผู้ก่อการร้ายภาคใต้
ซึ่งก็ตลกที่มีแวบหนึ่งผมดันมีความคิดว่า ที่มันไม่ฆ่าผม เพราะมันรู้เรื่องครอบครัวผมใช่มัย? ถึงให้ผมกลับมาเจอนรกแบบนี้....ซึ่งผมถ้ารู้ว่า
รอดกลับมาแล้วเจอเรื่องระยำแบบนี้ ผมยินดีโดนลูกตะกัวของผู้ก่อการร้ายยังดีกว่าเลย
จะ 10 -20 นัดก็ได้ ผมยอม ถ้าแลกกับการไม่เจอเรื่องบ้าๆนี่....
มันออกจะแปลกและตลกใช่มัยละครับ สำหรับคนอื่น
พอได้ยินว่ามีลูก ก็จะยิ้มมีความสุขทุกวัน แต่ละวันก็เหมือนเป็นสีชมพู สำหรับผม
มันไม่ใช่เลยทุกวันเหมือนคืนเดือนมืด
ที่มืดสนิท...ทุกวันผมใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดกลางใจอยู่ทุกวินาที...เจ็บปวดประหนึ่งตายทั้งเป็น....
เรื่องดั่งกล่าว มันทำให้ผม
ตาสว่างและ ถึงขีดสุดจริงๆ ถึงแม้ นายทหารรุ่นพี่คนนั้น ติดต่อกลับมาว่า ถึงความคืบหน้าถึงเรื่องที่จะหาทางย้ายผมไปประจำค่ายทหารต่างจังหวัดแล้วก็ตาม
แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดี หรือ มีความหวังขึ้นมา แต่อย่างใด…
สำหรับผม ทุกอย่างมันจบสิ้น ไปตั้งแต่ได้ยินว่า รวันดา แฟนผม ท้องแล้ว...ต่อให้ได้ย้ายไป
มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมอีกแล้ว..
และหลังจากที่ผมรู้เรื่องแฟนท้องนั้น ผมบอกตามตรงเลยว่า
ผมใช้ชีวิตแบบไม่ต่างอะไรจากซากศพที่เดินได้ ไม่อยากคิด ไม่อยากรู้สึกใดๆแล้ว...เพราะแค่คิด แค่รู้สึก มันก็เจ็บปวด แน่นอนว่าเรื่องดั่งกล่าว ก็ทำให้ผมติดเหล้าหนักขึ้น จริงๆผมก็เริ่มติดมัน ตั้งแต่ รู้ว่าไม่มีหนทางแก้ไข และทำการหลอกตัวเองไปวันๆนั้นแหละ..
จนกระทั้ง วันนี้ ที่เป็น วันที่ทุกสิ่งทุกอย่างของผมได้พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี..
จนกระทั้ง วันนี้ ที่เป็น วันที่ทุกสิ่งทุกอย่างของผมได้พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี..
วันนี้ มันเป็นวันที่เหมือนกับได้ถูกกำหนดด้วยอะไรบางอย่างไว้
ซึ่งผมเองก็บอกหรืออธิบายไม่ถูก เนื่องจากทุกอย่างมันได้ลงล็อคอย่างน่าประหลาดใจ ตั้งแต่ ผมลืมว่า ตัวเองได้บอก รวันดา แฟนสาว ว่า ไม่กลับบ้าน แต่ดันเผลอกลับบ้าน โดยให้เพื่อนที่ร่วมกันดื่มทานนั้น พากลับมายังบ้านซะงั้น..กว่าจะนึกได้ เพื่อนคนนั้นก็พามาถึงบ้านผมแล้ว..
ใช่....จำให้ผมต้องกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดี ซึ่งผมก็กะว่าจะค่อยๆเข้าไปหาอะไรดื่ม และเข้าห้องน้ำสักเล็กน้อย และค่อยคิดว่าจะไปไหนต่อดี เพราะขืนอยู่ไปก็มีแต่เจ็บปวดใจเปล่าๆ เนื่องจากเวลานี้ แฟนสาวของผมนั้นกำลังมีอะไรกับพ่อของผมอยู่แน่ๆ....
ถ้าจะถามว่า ผมรู้ หรือแน่ใจได้ไง....ทีแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอกครับ ถ้าวันนี้เธอไม่มีอะไรกับพ่อผม ผมก็คิดว่าคงไม่ออกไปไหนต่อ แต่ว่า พอผมลอบเข้ามาในบ้าน และเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น ก็ได้ยินเสียงครางของ รวันดาที่ครางระงมอยู่ที่ชั้น 2 นั้นละครับ เป็นเครื่องบงชี้ ว่า เธอมีอะไรกับพ่อผมอีกแล้ว และก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจผม ให้ผมตัดสินใจขึ้นไปแอบดู...ทั้งๆที่ผมตั้งใจว่าจะไม่แอบดูอีกแล้วแท้ๆ...
ผมที่ค่อยๆขึ้นไปยังชั้น 2... ยิ่งขึ้นไปยังชั้น 2 และยิ่งเดินไป ยังที่ห้องนอนของพ่อผม เสียงครางของ รวันดา แฟนผมก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ...และเมื่อผมทำการเปิดประตูอย่างแง้มๆเพื่อลอบมองก็พบว่า ทั้ง 2 กำลังเริงรักกันอย่างสุดมันส์....
โดยที่ รวันดา แฟนสาว ของผมนั้น กำลังโขกขย่มควยของพ่อผมด้วยลีลาที่จัดจ้านอย่างเมามันส์สุดๆ ขณะที่พ่อผมที่นอนรับการขย่มนั้นก็เอ่ยครวญด้วยความเสียวซ่าน ชนิดที่สูสีไล่เลี่ยพอๆกับทางฝั่งของรวันดาเลย...
“อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา..” เสียงร้องครวญของเธอที่เอ่ยร้องอย่างระงม ขณะกำลังขยับขย่มสะโพกอย่างลืมอาย ก่อนที่เธอจะร้องอย่างเสียงดังเล็กน้อย เมื่อกดขย่มควยของพ่อผมเป็นครั้งสุดท้าย....
“อ๊าาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาา...” รวันดา แฟนสาวของผมที่ร้องครางยาวอย่างเสียงดัง พร้อมกับเกร็งกายอย่างสั่นระริกๆ โดยที่พ่อผมนั้นก็อมยิ้มและขยับมือไม้ที่เคยประคองที่สะโพกของเธอนั้นยกขึ้นเข้าลูบบีบคลึงยังทรวงอกของแฟนผมอย่างไปมา พร้อมกับเอ่ยกล่าวอย่างยิ้มๆ...
“ได้ที่เอาใหญ่เลยนะ หนูดา...” สมชาติ พ่อผมทีเอ่ยกล่าวเชิงถามอย่างยิ้มๆ ซึ่งแฟนผมก็ยิ้มตอบด้วยท่าทีที่เขินๆ พร้อมกับแสดงอาการหอบเหนื่อยนิดๆ และหลังจากเธอยิ้มตอบไปได้เล็กน้อย พ่อผมก็เป็นฝ่ายขยับควยเข้าเสยรูหีของเธอ จนทำให้เธอร้องครางดังขึ้นอีกครั้ง ใช่...พ่อผมทำการสอยเธอ ทั้งๆที่ยังคงนอนอยู่ใต้ร่างของเธอนั้น...
“อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา...” รวันดา แฟนสาวของผมที่ร้องครวญครางขึ้นอีกครั้ง ร่างอรชรของเธอที่ค่อยๆขยับสั่นไหวไปมา ซึ่งทีแรกผมยังคงมองออกว่า ใครเป็นผู้คุมจังหวะการบรรเลง แต่สักพักผมเองก็เริ่มมองไม่ออกแล้ว ทันทีที่แฟนผมเหมือนจะขยับโต้ตอบเด้งหีสู้ควยของพ่อผมนั้น....
ทันทีที่เธอโต้ตอบ เสียงครางของเธอก็ยิ่งดังขึ้น พร้อมกับความร้อนแรงสุดๆที่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม ซึ่งหลังจากที่พ่อผมและเธอต่างโต้ตอบ ด้วยหีและควยกันอย่างเมามันส์ ในท่า WOT นั้น....พ่อผมก็ทำการเอ่ยถามเธอ ด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมถึงกับอึ้ง
“อูยยย...เป็นไงมังจ๊ะ เมียจ้า คืนนี้ ควยของผัว ยังคงเสียวดีใช่มัย..” คำกล่าวเชิงถามที่เอ่ยอย่างสูดปากนั้น ก็ทำให้ผมที่แอบมองนั้น ถึงกับชะงัก เมื่อได้ยินพ่อผม เรียกแฟนผมว่า ‘เมีย’ และเรียกตัวเองว่า ‘ผัว’
ใช่... วินาทีที่ได้ยินพ่อผมเรียกตัวเองและแฟนผมแบบนั้น มันก็ทำให้ผมจี๊ดอย่างสุดๆ และภาวนา ขออย่าให้เธอตอบรับพ่อผมด้วยถ้อยคำแบบนั้นเหมือนกัน...
‘ขอร้องละ อย่านะ...’ ผมที่ลอบมองนั้นก็เอ่ยในใจอย่างภาวนา..เพราะถ้าเธอเอ่ยคำนั้นออกมาละก็ ผมคงทนไม่ได้แน่ๆ และไม่ทันที่ผมจะคิดจบดี. แฟนสาวผมก็ได้เอ่ยตอบพ่อผม...
“ค่ะ ยังคงเสียวดีเหมือนทุกครั้งค่ะ ผัวขา...ไม่สิ คืนนี้เสียวกว่าทุกทีด้วยมัง..” เธอเอ่ยตอบพร้อมกับเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าทำการขย่มควยพ่อผมอย่างถี่ยิบมากยิ่งขึ้น และวินาทีที่ผมได้ยินถ้อยคำนั้น ก็เหมือนโลกทั้งใบ ผมได้พังทลายลงมา...
ใช่....พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี แบบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ถ้าแค่ นอกใจ ผมยังพอกลั้นใจรับได้ มีลูก ผมอาจจะเจ็บ แต่ก็ยังกลั้นใจพยายามทนรับ ผมอาจจะรับได้ทุกอย่าง แต่ต้องไม่ใช่ การที่เธอเรียกคนอื่นที่กำลังนอนด้วยว่า ผัว!! เพราะถ้าเธอเรียกคนอื่นว่า ผัว แล้วผมละ แล้วผมเป็นอะไร!!....เพียงแค่คำนั้นเท่านั้น ที่ผมยอมไม่ได้ ไม่อาจจะยอมรับได้....
ผมที่ค่อยๆขึ้นไปยังชั้น 2... ยิ่งขึ้นไปยังชั้น 2 และยิ่งเดินไป ยังที่ห้องนอนของพ่อผม เสียงครางของ รวันดา แฟนผมก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ...และเมื่อผมทำการเปิดประตูอย่างแง้มๆเพื่อลอบมองก็พบว่า ทั้ง 2 กำลังเริงรักกันอย่างสุดมันส์....
โดยที่ รวันดา แฟนสาว ของผมนั้น กำลังโขกขย่มควยของพ่อผมด้วยลีลาที่จัดจ้านอย่างเมามันส์สุดๆ ขณะที่พ่อผมที่นอนรับการขย่มนั้นก็เอ่ยครวญด้วยความเสียวซ่าน ชนิดที่สูสีไล่เลี่ยพอๆกับทางฝั่งของรวันดาเลย...
“อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา..” เสียงร้องครวญของเธอที่เอ่ยร้องอย่างระงม ขณะกำลังขยับขย่มสะโพกอย่างลืมอาย ก่อนที่เธอจะร้องอย่างเสียงดังเล็กน้อย เมื่อกดขย่มควยของพ่อผมเป็นครั้งสุดท้าย....
“อ๊าาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาา...” รวันดา แฟนสาวของผมที่ร้องครางยาวอย่างเสียงดัง พร้อมกับเกร็งกายอย่างสั่นระริกๆ โดยที่พ่อผมนั้นก็อมยิ้มและขยับมือไม้ที่เคยประคองที่สะโพกของเธอนั้นยกขึ้นเข้าลูบบีบคลึงยังทรวงอกของแฟนผมอย่างไปมา พร้อมกับเอ่ยกล่าวอย่างยิ้มๆ...
“ได้ที่เอาใหญ่เลยนะ หนูดา...” สมชาติ พ่อผมทีเอ่ยกล่าวเชิงถามอย่างยิ้มๆ ซึ่งแฟนผมก็ยิ้มตอบด้วยท่าทีที่เขินๆ พร้อมกับแสดงอาการหอบเหนื่อยนิดๆ และหลังจากเธอยิ้มตอบไปได้เล็กน้อย พ่อผมก็เป็นฝ่ายขยับควยเข้าเสยรูหีของเธอ จนทำให้เธอร้องครางดังขึ้นอีกครั้ง ใช่...พ่อผมทำการสอยเธอ ทั้งๆที่ยังคงนอนอยู่ใต้ร่างของเธอนั้น...
“อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา อาาาาาาาาาาาาาา...” รวันดา แฟนสาวของผมที่ร้องครวญครางขึ้นอีกครั้ง ร่างอรชรของเธอที่ค่อยๆขยับสั่นไหวไปมา ซึ่งทีแรกผมยังคงมองออกว่า ใครเป็นผู้คุมจังหวะการบรรเลง แต่สักพักผมเองก็เริ่มมองไม่ออกแล้ว ทันทีที่แฟนผมเหมือนจะขยับโต้ตอบเด้งหีสู้ควยของพ่อผมนั้น....
ทันทีที่เธอโต้ตอบ เสียงครางของเธอก็ยิ่งดังขึ้น พร้อมกับความร้อนแรงสุดๆที่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม ซึ่งหลังจากที่พ่อผมและเธอต่างโต้ตอบ ด้วยหีและควยกันอย่างเมามันส์ ในท่า WOT นั้น....พ่อผมก็ทำการเอ่ยถามเธอ ด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมถึงกับอึ้ง
“อูยยย...เป็นไงมังจ๊ะ เมียจ้า คืนนี้ ควยของผัว ยังคงเสียวดีใช่มัย..” คำกล่าวเชิงถามที่เอ่ยอย่างสูดปากนั้น ก็ทำให้ผมที่แอบมองนั้น ถึงกับชะงัก เมื่อได้ยินพ่อผม เรียกแฟนผมว่า ‘เมีย’ และเรียกตัวเองว่า ‘ผัว’
ใช่... วินาทีที่ได้ยินพ่อผมเรียกตัวเองและแฟนผมแบบนั้น มันก็ทำให้ผมจี๊ดอย่างสุดๆ และภาวนา ขออย่าให้เธอตอบรับพ่อผมด้วยถ้อยคำแบบนั้นเหมือนกัน...
‘ขอร้องละ อย่านะ...’ ผมที่ลอบมองนั้นก็เอ่ยในใจอย่างภาวนา..เพราะถ้าเธอเอ่ยคำนั้นออกมาละก็ ผมคงทนไม่ได้แน่ๆ และไม่ทันที่ผมจะคิดจบดี. แฟนสาวผมก็ได้เอ่ยตอบพ่อผม...
“ค่ะ ยังคงเสียวดีเหมือนทุกครั้งค่ะ ผัวขา...ไม่สิ คืนนี้เสียวกว่าทุกทีด้วยมัง..” เธอเอ่ยตอบพร้อมกับเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าทำการขย่มควยพ่อผมอย่างถี่ยิบมากยิ่งขึ้น และวินาทีที่ผมได้ยินถ้อยคำนั้น ก็เหมือนโลกทั้งใบ ผมได้พังทลายลงมา...
ใช่....พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี แบบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ถ้าแค่ นอกใจ ผมยังพอกลั้นใจรับได้ มีลูก ผมอาจจะเจ็บ แต่ก็ยังกลั้นใจพยายามทนรับ ผมอาจจะรับได้ทุกอย่าง แต่ต้องไม่ใช่ การที่เธอเรียกคนอื่นที่กำลังนอนด้วยว่า ผัว!! เพราะถ้าเธอเรียกคนอื่นว่า ผัว แล้วผมละ แล้วผมเป็นอะไร!!....เพียงแค่คำนั้นเท่านั้น ที่ผมยอมไม่ได้ ไม่อาจจะยอมรับได้....
“.............”
ผมที่ยืนอึ้งอย่างตาโต อย่างกำมือไม้แน่น
ทันทีที่ได้ยินคำๆนั้นที่ออกมาจากปากของแฟนสาวผม...ดวงใจผมที่ได้พังและแตกสลายพร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลายที่ได้ไหลทะลักออกมา
มีทั้ง ความเจ็บปวด ความโกรธเกี้ยว..ที่ผมเคยได้กักเก็บมันไว้
ทุกอย่างได้พรั่งพรู่ออกมาในพริบตา ทันทีที่ได้ยิน...
พริบตาเดียว พริบตาเดียวเท่านั้นที่ ผมได้ปล่อยตัวไปตามกระแสแห่งความเกี้ยวกราด ซึ่งเป็นพริบตาที่ผมเกือบจะจำอะไรไม่ได้เลย กว่าจะได้สติอีกที ก็ตอนที่รวันดา แฟนสาวผม เอ่ยร้องห้ามอย่างเสียงดัง...
“หยุดนะ...นั้นพ่อของคุณนะ!!...” เธอที่เอ่ยร้องบอกผมอย่างเสียงดัง และพยายามจะเหนี่ยวรั้งแขนผมไว้ ถ้อยคำและการห้ามปรามของเธอก็ทำให้ผมค่อยๆกลับมาได้สติ และก็ตกใจนิดๆ เมื่อพบว่า ตัวเองได้ขึ้นคร่อมอยู่บนร่างของชายที่ได้ชื่อว่า เป็น บุพการีของตัวเอง แถมไม่ได้ขึ้นคร่อมเท่านั้น หากแต่ กำลังง้าหมัดอย่างเต็มเหนี่ยวอีกด้วย...
“..............” ผมที่ได้สติ ก็ต้องชะงัก และค่อยๆขยับตัวถอยออกมา อย่างอึ้งๆกับการกระทำของตัวเอง เพราะผมไม่เพียงแค่ขึ้นคร่อมร่างและทำการง้าหมัดเท่านั้น หากแต่ได้ทำการระดมหมัดเข้าต่อยยังยังที่ใบหน้าของท่านไปหลายครั้งแล้วด้วย....
‘นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย..’ ผมเอ่ยอย่างร้องถามในใจ และเหมือนผมจะพอจำได้คราวๆถึงพริบตาเมื่อกี้นี้ ผมที่ได้เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเดินไปฉุดดึงร่างของรวันดาออก ก่อนจะเข้าคร่อมตะบั่นหน้า ชายที่เล่นชู้กับแฟนผมนั้นอย่างไม่ยั้ง และที่จำได้อย่างแม่นๆคือ ชายคนดั่งกล่าวไม่มีท่าทีขัดขืน หรือ ตอบโต้ผมแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เค้าน่าจะทำได้!!
และพอนึกออก ก็ทำให้ร่างของผมถึงกับสั่นเทิ้ม ในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป โดยที่มือขวาที่ใช้ต่อยนั้น ยังคงรู้สึกได้ชัดเจนถึงวินาทีที่เข้าตะบั่นหน้าของอีกฝ่าย ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง...ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสับสนอย่างสุดๆถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปว่า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือ ผิด กันแน่ ยิ่งพอเหลือบมองดูทางพ่อของผมที่ รวันดาแฟนผมนั้น ได้เข้าไปดูแล จับประคองให้ท่านลุกขึ้นนั่งนั้น ก็ทำให้ผมเจ็บจี๊ด....ท่าทาง และบรรยากาศโดยรวมก็เหมือนกับบอกว่า ผมเป็นฝ่ายผิดซะงั้น...
ใช่....ความรู้สึก ณ. ที่แห่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เหมือนกับว่าผมผิด ผมเลว และ ชั่ว....ทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ผมไม่ควรที่จะต้องรู้สึกผิด กับสิ่งที่ทำลงไป แต่ทำไม ผมกลับรู้สึกผิดเหมือนเป็นคนเลว คนชั่วมากก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ ฝ่ายที่ควรรู้สึกแบบนั้น ควรเป็น 2 คนนี่มากกว่า...
“ชาย...ฟังพ่อนะ เรื่องนี้พ่ออธิบายได้..” สมชาติ พ่อผมที่ค่อยๆเอ่ยขึ้น หลังจากที่ รวันดาได้ประคองแกให้ลุกขึ้นมานั่ง โดยที่ใบหน้าทางซ้ายของแกนั้นก็เริ่มปูดบวมนิดๆ จากการถูกผมระดมเข้าต่อยไปเมื่อกี้....
“อธิบายเหรอ?...จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคิดว่าผมเพิ่งจะมารู้เรื่องบัดซบนี่ วันนี้ละก็ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ผมรู้มาหลายเดือนแล้ว..” ผมที่เอ่ยสวนตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่กลับมาเดือดดาลอีกครั้ง ราวกับว่าถ้อยคำของพ่อผมที่จะอธิบายนั้นได้จุดไฟแห่งความโกรธอีกครั้ง...และถ้อยคำนั้นของผมก็ทำให้ ทั้ง 2 มีท่าทีตกใจไม่น้อย...
“แต่ที่ผมไม่ทำอะไร เพราะว่า ทั้ง 2 เป็นคนที่ผมรัก รักมาก แต่มันจบแล้ว!! มันเพิ่งจบลงเมื่อกี้นี้เอง วินาทีที่ พวกคุณ 2 คนเรียกตัวเองว่า ผัวและเมีย นั้นแหละ..” ผมเอ่ยโพล่งต่อ อย่างไม่มีความเกรงใจเหลืออีกแล้ว..
“ใช่ วินาทีนั้นแหละ ที่ทุกอย่างของผม มันจบแล้ว มันจบแล้ว!!..ครอบครัว ครอบของผมนะ!!..”ผมที่เอ่ยกล่าวต่ออีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับคนที่สติแตก...และตอนนั้น รวันดา แฟนสาวผมก็เอ่ยหมายจะอธิบาย...
“พี่ชายค่ะ สงบสติและฟังก่อนค่ะ เรื่องนี้นะ มัน...” เธอเอ่ยซึ่งผมก็หันควับเอ่ยตะคอกใส่อย่างเสียงดังและหยาบคาย ซึ่งผมไม่เคยทำกับเธอแบบนี้มาก่อนเลย...
“มึงนะ เงียบไปเลย!!...ถ้ายังไม่อยากตาย ก็หุบปากไว้จะดีกว่า...” ผมหันไปเอ่ยอย่างเสียงดัง และชี้หน้าเธอ..ด้วยท่าทีที่ดุดันสุดๆ....ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอถึงกับเงียบ ขณะที่ความโกรธของผมมันก็ยิ่งทะลักมากขึ้นเรื่อยๆ
ใช่..ยิ่งมองคนทั้ง 2 ตรงหน้า ก็ยิ่งโกรธยิ่งแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับความโกรธนั้นไม่มีจุดลิมิตเลยก็ว่าได้...และตอนนั้น ผมไม่ได้มอง เขาและเธอ เป็น พ่อ และแฟนผมอีกแล้ว...แต่เป็น ชายโฉด หญิงชั่ว คู่หนึ่งที่ทำร้ายผมทั้งกายและใจอย่างไม่น่าให้อภัยมากๆ ชนิดที่ฆ่าให้ตายก็ยังไม่สาสมกับความผิดนั้นเลย..
“โวยยยยยยยยยยยยยยยยย..” ผมกู่ร้องด้วยความเจ็บใจอย่างสุดๆ หลังจากที่มองพวกเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพราะรู้ดีว่า ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังได้ฆ่าคนใดคนหนึ่งแน่ๆ...ผมที่เดินลงมาจากชั้น 2 และออกจากบ้าน และทำการเปิดบ้าน ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองที่ผมได้จอดทิ้งไว้ตอนเย็น (ก่อนจะไปทานเหล้ากับเพื่อนนั้น..)
“บ้าเอ๊ยๆๆๆ...” ผมที่เอ่ยสบขึ้น หลังจากขึ้นบนรถเป็นที่เรียบร้อย ใช่ เอ่ยสบ พร้อมกับทุบพวงมาลัย ตั้งหลายครั้งด้วยความเจ็บช้ำใจอย่างสุดๆ...ซึ่งผมก็ทำเช่นนั้นอยู่ในรถนานพอควร ราวๆ5 นาทีได้ และเหมือนตัวของผมจะยังคาดหวังว่าให้มีใครสักคนตามออกมาห้าม.. แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่ตามออกมาเลย...
พริบตาเดียว พริบตาเดียวเท่านั้นที่ ผมได้ปล่อยตัวไปตามกระแสแห่งความเกี้ยวกราด ซึ่งเป็นพริบตาที่ผมเกือบจะจำอะไรไม่ได้เลย กว่าจะได้สติอีกที ก็ตอนที่รวันดา แฟนสาวผม เอ่ยร้องห้ามอย่างเสียงดัง...
“หยุดนะ...นั้นพ่อของคุณนะ!!...” เธอที่เอ่ยร้องบอกผมอย่างเสียงดัง และพยายามจะเหนี่ยวรั้งแขนผมไว้ ถ้อยคำและการห้ามปรามของเธอก็ทำให้ผมค่อยๆกลับมาได้สติ และก็ตกใจนิดๆ เมื่อพบว่า ตัวเองได้ขึ้นคร่อมอยู่บนร่างของชายที่ได้ชื่อว่า เป็น บุพการีของตัวเอง แถมไม่ได้ขึ้นคร่อมเท่านั้น หากแต่ กำลังง้าหมัดอย่างเต็มเหนี่ยวอีกด้วย...
“..............” ผมที่ได้สติ ก็ต้องชะงัก และค่อยๆขยับตัวถอยออกมา อย่างอึ้งๆกับการกระทำของตัวเอง เพราะผมไม่เพียงแค่ขึ้นคร่อมร่างและทำการง้าหมัดเท่านั้น หากแต่ได้ทำการระดมหมัดเข้าต่อยยังยังที่ใบหน้าของท่านไปหลายครั้งแล้วด้วย....
‘นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย..’ ผมเอ่ยอย่างร้องถามในใจ และเหมือนผมจะพอจำได้คราวๆถึงพริบตาเมื่อกี้นี้ ผมที่ได้เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเดินไปฉุดดึงร่างของรวันดาออก ก่อนจะเข้าคร่อมตะบั่นหน้า ชายที่เล่นชู้กับแฟนผมนั้นอย่างไม่ยั้ง และที่จำได้อย่างแม่นๆคือ ชายคนดั่งกล่าวไม่มีท่าทีขัดขืน หรือ ตอบโต้ผมแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เค้าน่าจะทำได้!!
และพอนึกออก ก็ทำให้ร่างของผมถึงกับสั่นเทิ้ม ในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป โดยที่มือขวาที่ใช้ต่อยนั้น ยังคงรู้สึกได้ชัดเจนถึงวินาทีที่เข้าตะบั่นหน้าของอีกฝ่าย ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง...ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสับสนอย่างสุดๆถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปว่า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือ ผิด กันแน่ ยิ่งพอเหลือบมองดูทางพ่อของผมที่ รวันดาแฟนผมนั้น ได้เข้าไปดูแล จับประคองให้ท่านลุกขึ้นนั่งนั้น ก็ทำให้ผมเจ็บจี๊ด....ท่าทาง และบรรยากาศโดยรวมก็เหมือนกับบอกว่า ผมเป็นฝ่ายผิดซะงั้น...
ใช่....ความรู้สึก ณ. ที่แห่งนี้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เหมือนกับว่าผมผิด ผมเลว และ ชั่ว....ทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ผมไม่ควรที่จะต้องรู้สึกผิด กับสิ่งที่ทำลงไป แต่ทำไม ผมกลับรู้สึกผิดเหมือนเป็นคนเลว คนชั่วมากก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ ฝ่ายที่ควรรู้สึกแบบนั้น ควรเป็น 2 คนนี่มากกว่า...
“ชาย...ฟังพ่อนะ เรื่องนี้พ่ออธิบายได้..” สมชาติ พ่อผมที่ค่อยๆเอ่ยขึ้น หลังจากที่ รวันดาได้ประคองแกให้ลุกขึ้นมานั่ง โดยที่ใบหน้าทางซ้ายของแกนั้นก็เริ่มปูดบวมนิดๆ จากการถูกผมระดมเข้าต่อยไปเมื่อกี้....
“อธิบายเหรอ?...จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคิดว่าผมเพิ่งจะมารู้เรื่องบัดซบนี่ วันนี้ละก็ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ผมรู้มาหลายเดือนแล้ว..” ผมที่เอ่ยสวนตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่กลับมาเดือดดาลอีกครั้ง ราวกับว่าถ้อยคำของพ่อผมที่จะอธิบายนั้นได้จุดไฟแห่งความโกรธอีกครั้ง...และถ้อยคำนั้นของผมก็ทำให้ ทั้ง 2 มีท่าทีตกใจไม่น้อย...
“แต่ที่ผมไม่ทำอะไร เพราะว่า ทั้ง 2 เป็นคนที่ผมรัก รักมาก แต่มันจบแล้ว!! มันเพิ่งจบลงเมื่อกี้นี้เอง วินาทีที่ พวกคุณ 2 คนเรียกตัวเองว่า ผัวและเมีย นั้นแหละ..” ผมเอ่ยโพล่งต่อ อย่างไม่มีความเกรงใจเหลืออีกแล้ว..
“ใช่ วินาทีนั้นแหละ ที่ทุกอย่างของผม มันจบแล้ว มันจบแล้ว!!..ครอบครัว ครอบของผมนะ!!..”ผมที่เอ่ยกล่าวต่ออีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับคนที่สติแตก...และตอนนั้น รวันดา แฟนสาวผมก็เอ่ยหมายจะอธิบาย...
“พี่ชายค่ะ สงบสติและฟังก่อนค่ะ เรื่องนี้นะ มัน...” เธอเอ่ยซึ่งผมก็หันควับเอ่ยตะคอกใส่อย่างเสียงดังและหยาบคาย ซึ่งผมไม่เคยทำกับเธอแบบนี้มาก่อนเลย...
“มึงนะ เงียบไปเลย!!...ถ้ายังไม่อยากตาย ก็หุบปากไว้จะดีกว่า...” ผมหันไปเอ่ยอย่างเสียงดัง และชี้หน้าเธอ..ด้วยท่าทีที่ดุดันสุดๆ....ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอถึงกับเงียบ ขณะที่ความโกรธของผมมันก็ยิ่งทะลักมากขึ้นเรื่อยๆ
ใช่..ยิ่งมองคนทั้ง 2 ตรงหน้า ก็ยิ่งโกรธยิ่งแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับความโกรธนั้นไม่มีจุดลิมิตเลยก็ว่าได้...และตอนนั้น ผมไม่ได้มอง เขาและเธอ เป็น พ่อ และแฟนผมอีกแล้ว...แต่เป็น ชายโฉด หญิงชั่ว คู่หนึ่งที่ทำร้ายผมทั้งกายและใจอย่างไม่น่าให้อภัยมากๆ ชนิดที่ฆ่าให้ตายก็ยังไม่สาสมกับความผิดนั้นเลย..
“โวยยยยยยยยยยยยยยยยย..” ผมกู่ร้องด้วยความเจ็บใจอย่างสุดๆ หลังจากที่มองพวกเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพราะรู้ดีว่า ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังได้ฆ่าคนใดคนหนึ่งแน่ๆ...ผมที่เดินลงมาจากชั้น 2 และออกจากบ้าน และทำการเปิดบ้าน ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองที่ผมได้จอดทิ้งไว้ตอนเย็น (ก่อนจะไปทานเหล้ากับเพื่อนนั้น..)
“บ้าเอ๊ยๆๆๆ...” ผมที่เอ่ยสบขึ้น หลังจากขึ้นบนรถเป็นที่เรียบร้อย ใช่ เอ่ยสบ พร้อมกับทุบพวงมาลัย ตั้งหลายครั้งด้วยความเจ็บช้ำใจอย่างสุดๆ...ซึ่งผมก็ทำเช่นนั้นอยู่ในรถนานพอควร ราวๆ5 นาทีได้ และเหมือนตัวของผมจะยังคาดหวังว่าให้มีใครสักคนตามออกมาห้าม.. แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่ตามออกมาเลย...
ในเมื่อไม่มี ผมก็สตาร์ทรถและทำการขับออกไป อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ด....ใช่ ขับไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่า ขับไปนานแค่ไหน ถึงค่อยมีโทรศัพท์ จาก รวันดา แฟนผม... แต่ผมก็ไม่ได้กดรับ หนำซ้ำ ยัง ปามือถือทิ้งออกนอกรถอีกด้วย...
และไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด หรือ เพราะอะไร มารู้ตัวอีกที ผมก็จอดรถอยู่ที่ สวนสาธารณะที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเสียแล้ว โดยที่แห่งนี้ก็เป็น สถานที่เดทครั้งแรกของผมกับรวันดา ใช่ผมเคยพาเธอมาชมทิวทัศน์ที่นี้ยามเย็นด้วย..
ผมที่มองผ่านหน้าต่างไปยังสวนสาธารณะดั่งกล่าว อย่างจิบเบียร์ไปพลาง (ซึ่งก่อนที่มาถึงที่นี้ ผมได้ก่อเรื่องที่ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เพื่อต้องการเบียร์มาดื่มแก้ช้ำใจด้วย..) และตอนที่มองไปยังสวนสาธารณะนั้น มันก็เหมือนทำให้ผมเห็นภาพวันวานอันแสนหวานของผม กับ รวันดา...
ภาพที่เรานั่งคุยเล่น หยอกล้อกัน..รวมถึงคำสัญญาที่ผมให้กับเธอ ทุกเหตุการณ์ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นที่นี้นั้นผมจำได้หมดทุกอย่าง....ซึ่งการมองเห็นอดีต มองเห็น รวันดา สมัยยังเป็นรวันดาคนนั้น มันก็ทำให้ผมเริ่มดีขึ้น และมีความถวินหาถึงรวันดาคนนั้น...แต่แค่เดียวเท่านั้น อยู่ๆก็มีภาพของรวันดา ที่ทำการขย่มควยพ่อของผม ภาพเธอที่แสดงสีหน้าอย่างร่านๆ และเรียกพ่อผม ว่า “ผัว” อย่างชัดถ้อยชัดคำนั้น...และนั้นก็ ทำให้ความรู้สึกดีๆที่เริ่มจะดีขึ้นนั้น พังทลายลงทันที….
และไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด หรือ เพราะอะไร มารู้ตัวอีกที ผมก็จอดรถอยู่ที่ สวนสาธารณะที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเสียแล้ว โดยที่แห่งนี้ก็เป็น สถานที่เดทครั้งแรกของผมกับรวันดา ใช่ผมเคยพาเธอมาชมทิวทัศน์ที่นี้ยามเย็นด้วย..
ผมที่มองผ่านหน้าต่างไปยังสวนสาธารณะดั่งกล่าว อย่างจิบเบียร์ไปพลาง (ซึ่งก่อนที่มาถึงที่นี้ ผมได้ก่อเรื่องที่ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เพื่อต้องการเบียร์มาดื่มแก้ช้ำใจด้วย..) และตอนที่มองไปยังสวนสาธารณะนั้น มันก็เหมือนทำให้ผมเห็นภาพวันวานอันแสนหวานของผม กับ รวันดา...
ภาพที่เรานั่งคุยเล่น หยอกล้อกัน..รวมถึงคำสัญญาที่ผมให้กับเธอ ทุกเหตุการณ์ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นที่นี้นั้นผมจำได้หมดทุกอย่าง....ซึ่งการมองเห็นอดีต มองเห็น รวันดา สมัยยังเป็นรวันดาคนนั้น มันก็ทำให้ผมเริ่มดีขึ้น และมีความถวินหาถึงรวันดาคนนั้น...แต่แค่เดียวเท่านั้น อยู่ๆก็มีภาพของรวันดา ที่ทำการขย่มควยพ่อของผม ภาพเธอที่แสดงสีหน้าอย่างร่านๆ และเรียกพ่อผม ว่า “ผัว” อย่างชัดถ้อยชัดคำนั้น...และนั้นก็ ทำให้ความรู้สึกดีๆที่เริ่มจะดีขึ้นนั้น พังทลายลงทันที….
“มันจบแล้วสินะ...มันจบแล้ว...” ผมเอ่ยถ้อยคำดั่งกล่าวอย่างรู้สึกเดี่ยวดาย
อย่างไม่เหลืออะไรในชีวิตอีกแล้ว ซึ่งขณะที่ผมเอ่ยถ้อยคำดั่งกล่าว
ในสภาพที่ฟุบลงที่พวงมาลัยนั้น ก็ได้หันไปชำเลืองมองยังลิ้นชักเก็บของที่อยู่ด้านหน้าของ ที่นั่งข้างคนขับ ซึ่งผมก็จำได้ว่าในนั้น มีปืน 9 มม. อยู่...และมันก็ยังคงอยู่อย่างไม่มีการหายไปไหนด้วย..
“................” ผมที่จ้องมอง ปืน 9 มม.
ที่อยู่ในลิ้นชักนั้น อย่างไม่พูดอะไร ก่อนที่จะทำการหยิบมันออกมา
เพื่อจะจบเรื่องราวที่โหดร้ายนี่ และไม่กี่อึดใจ เสียงปืนก็ดังขึ้น 1 นัด.....
ปัง!!
.
.
.
“และนั้นคือ เรื่องราวทั้งหมดของผม..” สมชายที่เอ่ยรำพึงเชิงบอกอย่างเบาๆ ท่ามกลางคนมากมาย ที่ยังคงอยู่ที่นั้น ซึ่งก็ไม่มีใครได้ยิน หรือ เห็นร่างของสมชาย ที่ยืนอยู่ ณ. ที่แห่งนี้เลย และเขาก็ยังยืนอยู่ตรงหน้าของ แฟนสาว และผู้เป็นพ่อแท้ๆที่กำลังยืนกอดกันอย่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังจากที่เข้าไปดูและพบว่า ร่างที่อยู่ภายในรถนั้นเป็นเขาจริงๆ....
โดยที่สมชายนั้นก็รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ ที่ตอนนี้เค้ากลับ ไม่รู้สึกถึงความโกรธเกี้ยวมากมายนั้นอีกแล้ว ทั้งๆที่กำลังจับจ้องมองทั้ง 2 คนอยู่ก็ตาม ราวกับว่า ความโกรธ ความหึงหวง ได้ละลายหายไป หลังจากที่เค้าได้ตัดสินใจ ปลิดชีพตัวเองลง…
“ขะ ขอโทษ ดา ขอโทษ....” เสียงของรวันดา ที่เอ่ยพล่ามเบาๆ อย่างสะอึกสะฮื้นอย่างร้องไห้เสียใจ โดยมีพ่อผมคอยกอดปลอบอยู่อย่างแนบชิด ซึ่งผมก็ได้ยินถ้อยคำนั้นชัดเจน ก่อนจะเอ่ยตอบ...
“ผมจะยกโทษให้...และไม่ต้องชดใช้อะไรให้ผมด้วย… ถ้าจะให้ดี ชาติหน้าไม่ต้องมาเจอกันเลยจะดีกว่า...” ผมตอบ ถึงแม้จะรู้ดีก็ตามว่า อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินสิ่งที่เค้าพูดก็ตาม ก่อนที่เค้าจะหันหลัง พร้อมกับเดินหายไปกับ ชายอีกคน ที่เหมือนมารอรับเค้าอยู่...
---บัดซบ End---
ผู้แต่ง
ขออภัยด้วยที่หายไปซะนาน สำหรับแฟนคลับในบล็อค หายไปราวๆ 11 วันได้ คิดถึงกันมัย ถ้าคิดถึงส่งเสียงหน่อยยยยยย...สำหรับตอนนี้ หรือ ตอน 3 นั้นเดี๋ยวจะมีตัวปรับปรุงออกมา เพิ่มรายละเอียด เนื่องจากตอนนี้คนแต่งโดนการจู่โจมจาก C86 จนทำให้ความหื่นหดหาย...เรื่องที่แต่งออกมาจึง มีแต่น้ำ เนื้อไม่ค่อยมี ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย....
ขออภัยด้วยที่หายไปซะนาน สำหรับแฟนคลับในบล็อค หายไปราวๆ 11 วันได้ คิดถึงกันมัย ถ้าคิดถึงส่งเสียงหน่อยยยยยย...สำหรับตอนนี้ หรือ ตอน 3 นั้นเดี๋ยวจะมีตัวปรับปรุงออกมา เพิ่มรายละเอียด เนื่องจากตอนนี้คนแต่งโดนการจู่โจมจาก C86 จนทำให้ความหื่นหดหาย...เรื่องที่แต่งออกมาจึง มีแต่น้ำ เนื้อไม่ค่อยมี ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย....
ขอบคุณนะครับ
ตอบลบขอบคุณนะครับ
ตอบลบ